ในงาน Startup Thailand 2016 ที่เพิ่งจบไปแบบสดๆ ร้อนๆ มีเวทีการเสวนาจำนวนมากที่น่าสนใจและให้ความรู้กับทั้ง Startup, นักลงทุน รวมถึงผู้ที่สนใจอื่นๆ ด้วย จะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันว่า ทำไม Startup ถึงน่าลงทุน และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไร รวมถึงจะเกิดฟองสบู่ขึ้นจริงหรือไม่ และควรป้องกันหรือดำเนินการอย่างไร ซึ่งเวทีหนึ่งที่รวม ธนาคาร และ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งถือเป็น Key Player ที่น่าสนใจ โดยประกอบด้วย
3 ผู้บริหารจากฝั่งโทรคมนาคม
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนต์ กรุ๊ป จำกัด
ธนพงษ์ ณ ระนอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการส่วนงานบริษัทรวมทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจและดีแทค แอคเซอเลอเรท
3 ผู้บริหารจากฝั่งธนาคาร
สมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธานบริษัท กสิกรบิสิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
วีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบสายลูกค้าธุรกิจรายกลาง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งในการเสวนานั้น สรุปสาระสำคัญได้ว่า ธนาคาร ซึ่งเวลานี้กำลังให้ความสนใจกับ Startup กลุ่ม FinTech อย่างมาก ทั้ง ไทยพาณิชย์ และ กสิกรไทย จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อลงทุนด้านนี้โดยเฉพาะ โดยมองว่า ธนาคารจะเน้นลงทุนใน Startup ที่สามารถร่วมมือ Synergy ระหว่างกันได้ ทำงานร่วมกันและเติบโตไปด้วยกัน ซึ่ง เงิน ไม่ใช่คำตอบที่สำคัญที่สุดเสมอไป แต่เป็นเรื่องความการช่วยเหลือให้เกิดการเติบโตมากกว่า
ทั้ง 3 ธนาคารยืนยันว่า Startup ที่มีแนวคิดเรื่อง FinTech สามารถเข้ามาคุยกับธนาคารได้โดยตรง เพื่อดูว่าสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร
ขณะที่มุมมองจากฝั่งโทรคมนาคม ซึ่งถือว่าเป็นภาคเอกชนกลุ่มแรกๆ ที่กระโดดเข้ามาสนับสนุน Startup ด้วยการจัดงานประกวดและสนับสนุนมาหลายปีต่อเนื่อง มองว่าต้องช่วย Startup ให้สามารถ Scale up และ Repeat ได้ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว และมีรายได้เกิดขึ้นจริงอย่างยั่งยืน
เนื่องจากตัวเลขสถิติที่เก็บจากทั่วโลกพบว่า Startup จำนวน 80% จะตาย อีก 10% จะมีลักษณะเป็นซอมบี้คือ ไม่ตายแต่ก็ไม่เติบโต ขณะที่มี 10% เท่านั้นที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จ ซึ่งมี 1% ในจำนวนนี้ที่สามารถไปถึงระดับ Unicorn หรือมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านเหรียญ ดังนั้นต้องเร่งสร้าง Startup จำนวนมากๆ และช่วยกันคัดกรองให้มีกลุ่มที่มีโอกาสทางธุรกิจจริงๆ เพราะถ้ามี Startup 1000 รายเกิดขึ้น ก็แปลว่าอาจจะมีสัก 100 รายที่อยู่รอดและเติบโตได้ และอาจจะมีบางราย ที่มีโอกาสขึ้นถึงระดับ Unicorn
ที่สำคัญคือทั้ง 3 บริษัทโทรคมนาคม มีการเชื่อมโยงกับตลาดในต่างประเทศอยู่แล้ว ยิ่งเป็นโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น