หลายคนเชื่อว่าการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดจากพรสวรรค์ ไม่ก็สมองบางซีกของคุณทำงานดีกว่าคนทั่วไป อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจของคุณมันถูกปิดกั้นด้วยความคิดในฝั่งธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขยอดขาย โปรโมชั่น การมาร์เกตติ้ง
นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมศิลปินพรสวรรค์บางคนจึงต้องทำงานหนักไปทั้งชีวิตแลกกับรายได้เล็กๆ น้อยๆ
แต่อย่ากลัวไปเลย เรามีข้อคิดที่จะช่วยให้ไอเดียของคุณมีหลักยึดว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน แต่จำไว้ว่าหลักการทั้งหมดต้องมีการ brainstorm หรือการระดมความคิดเป็นหลักเสมอ คุณคนเดียวไม่สามารถคิดอะไรเจ๋งๆ ได้ทั้งหมดหรอกใช่ไหม?
- การร่วมมือกันคือกุญแจสำคัญ
คุณต้องมีคู่หูร่วมคิดอย่างน้อยหนึ่งคน ควรเป็นการเจอหน้ากันตรงๆ แน่นอนว่าโปรแกรมแชทอย่าง Skype หรืออื่นๆ ก็พอช่วยได้แต่ก็ไม่ดีที่สุด
คิดซะว่าธุรกิจของคุณเป็นบอร์ดเกมก็ได้ (หรือจะเหมือนเกมวางแผนการรบที่คุณชอบเล่นก็ได้นะครับ Starcraft? Red Alert?) แนะนำว่าไม่ควรเลือกคนที่มีพื้นฐานชีวิตคล้ายๆ คุณ แต่ควรเลือกคนที่แตกต่างจากคุณมาร่วมงาน สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่ความ “สามัคคี” แล้วกอดคอกันตายหมู่ แต่คือความ “แตกต่าง” ที่นำพาไปสู่การถกเถียงและได้ข้อสรุปที่สร้างสรรค์
- หยุด “เทคโนโลยี” ทุกอย่างระหว่างการระดมสมอง
โทรศัพท์ notifications หรือเพลง อะไรก็ตามแต่ที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของทีม ขอให้ปิดให้หมด ไม่เพียงแต่เวลาประชุมเท่านั้นแต่หากคุณอยากฝึกความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ลองใช้เวลาวันละ 1-2 ชั่วโมง ปิดช่องทางการสื่อสารจากเทคโนโลยีทั้งหมดและใช้เวลาครุ่นคิดกับตัวเองให้มากขึ้นอย่าลืมว่าโลกนี้มีห้องสมุดเพราะมนุษย์ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
- ให้คนหนึ่งทำหน้าที่จดบันทึกระหว่างการระดมสมอง
นี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่าจดบันทึกอะไรก็ตามบนเครื่องมือดิจิตอล ใช้ whiteboard กระดาษแผ่นใหญ่ หรือกระดาษแผ่นเล็กๆ คนจดบันทึกจะต้องจดไอเดียของที่ประชุมทั้ง 100% ที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นไอเดียที่แย่แค่ไหน อย่าลืมว่าในการประชุมไม่มี “ไอเดียไม่ดี” หรอกนะ
- ตั้งกำหนดการในการประชุมให้ชัดเจน
คุณกำลังอยากตั้งธุรกิจใหม่อยู่ใช่ไหม? คุณอยากได้ไอเดียมาสร้างสรรค์แคมเปญสำหรับสินค้าและบริการใหม่ๆ ใช่หรือเปล่า? คุณพยายามสร้างคอนเทนต์มาร์เกตติ้งและต้องการไอเดียสำหรับสิ่งที่จะไปอัพเดทบนโซเชียลมีเดียหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นอะไร การประชุมทุกครั้งต้องมีเป้าหมายและได้คำตอบชัดเจนทุกครั้ง
- จำกัดเวลาประชุม
เวลา 90 นาทีคือเวลาที่ค่อนข้างเหมาะสมที่สุดสำหรับการระดมสมอง ช่วงเวลา 45 นาทีแรกให้โยนไอเดียทั้งหมดที่คุณมีออกมา และอีก 45 นาทีให้หลังให้ลองมา “ฟัน” ไอเดียเหล่านั้นว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
6. ให้ทุกคนในที่ประชุมได้ออกความเห็น
ไม่มีไอเดียไหนที่จะถูกวิจารณ์หรือกล่าวให้เสียหาย คุณต้องให้ความสำคัญกับการไม่กล่าวร้ายหรือวิจารณ์ไอเดียอันหนึ่งอันใดในแง่ลบเพื่อให้บรรยากาศของการแชร์ไอเดียเป็นไปอย่างราบรื่น คุณอาจได้ยินไอเดียแย่ๆ บ้างแต่แทนที่จะวิจารณ์ให้พยายามต่อยอดไอเดียใหม่ๆ มาแทนที่
- ช่วงโบนัส
มันอาจฟังดูพิลึก แต่ช่วงแรกที่เริ่มประชุมอยากให้ทุกคนบ้าบอกันให้ถึงที่สุดเพื่อให้สภาพจิตใจปลอดโปร่งมากที่สุด ลองให้ทุกคนเต้นเพลงจาก MV หรือออกสเต็ปแดนซ์โดยเปิดเพลงในผับให้ฟัง หรือคุณจะเป็นคนนำออกกำลังกายตามเสียงเพลงจากวิทยุก็ไม่มีใครว่า นอกจากจะช่วยให้ทุกคนสนิทกันมากขึ้นแล้วยังช่วยให้พวกเขาไม่เขินเวลาต้องออกไอเดีย
หัวใจสำคัญของเทคนิคนี้คือการจำไว้เสมอว่า “ไม่มีไอเดียที่ไม่ได้เรื่อง” หากคุณเริ่มโจมตีไอเดียของใครก็ตาม บรรยากาศของการแลกเปลี่ยนความเห็นจะเริ่มคุกรุ่นและทุกคนจะเริ่มระวังตัวว่าจะโดนวิจารณ์ การเงียบเป็นทางออกที่พวกเขาจะทำ