หลังจาก LINE ได้เปิดตัวโครงการ LINE ScaleUp 2019 เพื่อยกระดับศักยภาพสตาร์ทอัพไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากสตาร์ทอัพนับ 100 ทีมสมัครเข้าร่วมโครงการ ทำให้เราได้เห็นทิศทางที่น่าสนใจเกี่ยวกับสตาร์ทอัพไทย อาทิ…
-
ธุรกิจ On-Demand ครองแชมป์ธุรกิจที่มีสตาร์ทอัพสมัครสูงสุด ราว 20%
-
ขณะที่ Fintech และ EDU Tech มีจำนวนผู้สมัครรองลงมา ด้วยสัดส่วน 14% และ 10% ตามลำดับ
ทั้งนี้ จำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้ก็มีจำนวนถึง 100 ทีม เรียกว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ทำให้ทิศทางของ LINE ScaleUp กับการผลักดันให้ประเทศมียูนิคอร์นสัญชาติไทยตัวแรก ยิ่งชัดเจนภายใต้รูปแบบ โปรแกรม Post-Accelerate ซึ่งใช้เกณฑ์การคัดเลือก 5 หัวข้อหลัก ได้แก่ ประสิทธิภาพของตลาด (Market Definition), ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์/บริการ (Solution and Traction), ประสิทธิภาพของทีม (Team), ความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของ LINE ScaleUp (Aspiration) และวิธีการนำผลิตภัณฑ์จาก LINE ไปใช้ประโยชน์ (Leverage LINE assets)
ส่วนสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ LINE ScaleUp 2019 ได้แก่
Choco CRM : ระบบจัดการหน้าร้าน (POS) และระบบพัฒนาความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ให้กับผู้ประกอบการและบริษัทต่างๆ ในหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร เป็นต้น
Claimdi : แพลตฟอร์มจัดหาผู้ช่วยสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เช่น ตำรวจ รถพยาบาล เจ้าหน้าที่สำรวจภัยของประกันต่างๆ เป็นต้น โดยหากผู้ใช้งานเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินใดๆ สามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ในการส่งเรื่องพร้อมรายละเอียดให้กับผู้ให้บริการได้อย่างครบครันและท่วงที
Finnomena : แพลตฟอร์มผู้ให้บริการและคำปรึกษากับนักลงทุน โดยผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเข้าด้วยกัน โดยมีอัตราการเติบโตของฐานผู้ใช้งานถึง 60% ในปีที่ผ่านมา และนักลงทุนได้สร้างแผนการลงทุนในแพลตฟอร์มนี้แล้วกว่า 20,000 แผนการลงทุน
Gowabi : แพลตฟอร์มสำหรับจองบริการเกี่ยวกับสปาและบริการเสริมความงามต่างๆ ที่สามารถขยายฐานพาร์ทเนอร์กับบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายทั้งในส่วนอีคอมเมิร์ซและธนาคารต่างๆ เช่น Rabbit LINE Pay, Lazada, True, DTAC และ KTC เป็นต้น
Seekster : แพลตฟอร์มสำหรับจัดหาผู้ให้บริการด้านการทำความสะอาด ซ่อมแซม และต่อเติมอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเครือข่ายผู้ให้บริการราว 10,000 คน พร้อมฐานลูกค้ามากกว่า 150,000 ราย
Tellscore : ระบบจัดการ Influencer โดยทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางระหว่างแบรนด์/เอเจนซี่ กับ Influencer ทั้ง micro และ macro influencer ซึ่งตอนนี้มีจำนวน Influencer กว่า 30,000 คนในระบบ
โดยสตาร์ทอัพทั้ง 6 ทีมจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าใช้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของ LINE รวมถึง LINE ScaleUp Camp ที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมอบรม, Coaching เชิงลึก ทั้งด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ และการลงทุน รวมถึงทริปพิเศษเพื่อพบปะเรียนรู้จากสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นตัวจริงในต่างประเทศ ตลอดเดือนกรกฏาคม – ตุลาคมนี้ เพื่อบ่มเพาะให้สตาร์ทอัพทั้ง 6 สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ ประสบการณ์และทักษะที่ได้พัฒนาธุรกิจตนเองให้ก้าวไกลสู่ระดับยูนิคอร์น โดยจะทำการคัดเลือกเพื่อหาทีมสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ต่อไป