จะว่าไปแล้วพฤติกรรมผู้บริโภคคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำการตลาดในปัจจุบัน ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความต้องการเรื่องของความเร็วและความสะดวกสบาย จึงไม่แปลกที่หลายธุรกิจเริ่ม Transform ตัวเองไปสู่การทำธุรกิจผ่านรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ต้องซื้อเข้าบ้าน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
การ Shopping Online จึงกลายเป็น Platform ที่หลายคนพยายามจะเข้าไปแย่งชิงพื้นที่มา เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่าย บวกกับระบบการชำระเงินที่ในปัจจุบันสามารถทำได้บนสมาร์ทโฟนยิ่งช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายๆ แต่การซื้อของผ่าน e-Commerce หรือ Shopping Online ก็ยังมีข้อจำกัดในแง่ของการเสียเวลาลงทะเบียน เสียเวลาค้นหาสินค้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Pain Point ของผู้บริโภค
Nasket ส่งสินค้าและบริการตรงถึงคอนโดฯ
นั่นจึงทำให้เกิดธุรกิจอย่าง Nasket ที่ช่วยให้การซื้อของเข้าบ้านเนเรื่องง่ายยิ่งกว่าการ Shopping Online โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ ซึ่งการเดินทางก็ดูหนาแน่นไปหมด จะซื้อของแค่ชิ้นเดียวก็ต้องเดินออกไปไกล แต่ Nasket ทำให้เป็นเรื่องง่ายแค่สแกนบาร์โค้ดของที่ต้องการ และสามารถสั่งให้สินค้ามาส่งแบบประจำวันได้โดยไม่จำกัดจำนวนชิ้น
ความลับของ Nasket อยู่ที่อุปกรณ์ที่เป็นจอ LED พร้อมระบบสแกนบาร์โค้ด ที่จะติดตั้งอยู่ทุกๆ ห้องของคอนโดฯ นอกจากซื้อสินค้าแล้วยังสามารถเรียกใช้บริการอื่นๆ ได้อีก เช่น ซักเสื้อผ้า ซ่อนระบบไฟฟ้า-ประปา รวมถึงเป็นเคาน์เตอร์เซอร์วิสในการชำระบิลต่างๆ ได้อีกด้วย และถ้าคิดว่า Nasket ต้องลงทุนสูงไปกับระบบแล้วละก็ นั่นกำลังคิดผิด
เพราะที่บริษัท Nasket เลือกใช้เทคโนโลยี VDI (Virtual Desktop Infrastructure) จาก INET ให้พนักงานแทนการลงทุนเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และไม่ต้องกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่ตามมา เช่น ปัญหาซอฟท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ข้อมูลสูญหายและลดภาระการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ ของทีม IT ทำให้ Nasket สามารถโฟกัสไปในการพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่
VDI เทคโนโลยีลดต้นทุนผ่าน Cloud Service
สำหรับเทคโนโลยี VDI อาจไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนวงการ IT เพราะส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อ DaaS (Desktop as a Service) ให้เข้าใจง่ายๆ แทนที่ Nasket จะต้องติดตั้งซอฟท์แวร์หนึ่งชุดต่อหนึ่งเครื่อง ซึ่งเป็นที่ทราบว่าซอฟท์แวร์ราคาไม่ได้ถูกอย่างที่คิด หากคอนโดนั้นมีจำนวน 100 ห้อง Nasket จะต้องมีต้นทุนค่าซอฟท์แวร์ถึง 100 ชุด แล้วถ้าสมมติราคาซอฟท์แวร์อยู่ที่ชุดละ 1,000 บาท เท่ากับอาคารนั้น Nasket ต้องลงทุนเฉพาะค่าซอฟท์แวร์ 1 แสนบาท
เมื่อต้นทุนสูงค่าบริการย่อมต้องแพงตามไปด้วย ซึ่งคงไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภค นี่ยังไม่นับรวมการอัพเดตซอฟท์แวร์และความเสี่ยงในเรื่องของลิขสิทธิ์อีกด้วย แล้ว VDI เข้ามาแก้ไขปัญหาได้อย่างไร สิ่งแรกที่ VDI ช่วยแก้ไขได้คือ การลดต้นทุนเรื่องซอฟท์แวร์จากที่ต้องติดตั้งซอฟท์แวร์ทุกเครื่อง ระบบ VDI จะช่วยให้ติดตั้งซอท์ฟแวร์เพียงแค่เครื่องเดียวที่ Server หลักของระบบ
โดยระบบจะอนุญาตให้เครื่องของ Nasket สามารถเข้ามาใช้ซอฟท์แวร์ดังกล่าวได้ตลอดเวลา แม้จะใช้งานพร้อมกันโดยไม่จำกัดจำนวน ที่สำคัญหากต้องอัพเดตระบบก็สามารถทำได้ที่เครื่อง Server เพียงเครื่องเดียว และเพราะซอฟท์แวร์ถูกติดตั้งเพียงเครื่องเดียว การควบคุมปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์จึงเป็นเรื่องง่าย โดยทั้งหมดนี้ไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้งานที่คอนโดฯ เลย
ที่สำคัญระบบ VDI ยังเหมาะกับธุรกิจที่มีสาขา หรือหน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากอย่าง โรงเรียน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถตั้งกฎระเบียบในการใช้งานได้อีกด้วย เช่น อนุญาตให้พนักงานที่รหัสเข้าใช้งานเครื่องได้ หรือไม่อนุญาตให้มีการติดตั้งซอฟท์แวร์เพิ่มหรือดาวน์โหลดซอฟท์แวร์ไว้ในเครื่อง เป็นต้น
Platform ของคนไทยต้องยกนิ้วให้ INET
ผลจากกระแสข่าว Huawei ถูก Google ระงับการให้บริการ เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการทราบว่า การพึ่งพา Platform ต่างชาติมีความเสี่ยงหากวันใดวันหนึ่งที่ระบบจากต่างชาติถูกปิดหรือระงับการให้บริการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผลกระทบทางธุรกิจจะเกิดขึ้นมาทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Nasket เลือกใช้ Platform ของไทย โดยเฉพาะจากผู้ให้บริการอย่าง INET
โดยครั้งนี้ได้รับโอกาสจาก คุณมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ที่ชี้ให้เห็นจุดเด่นข้อหนึ่งของ INET คือความเป็นสัญชาติไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือต้องการคำปรึกษา สามารถยกหูคุย สอบถามได้ เจรจากันด้วยภาษาที่ถนัดมาตั้งแต่เกิด ซึ่งเรื่องภาษาถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของ SME ไทย ที่สำคัญราคายังถูกกว่าของผู้ให้บริการจากต่างประเทศ
ที่สำคัญคือ Data Center ของ INET อยู่ที่ประเทศไทย ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องข้อมูลรั่วไหลหรือไม่สามารถใช้งานข้อมูลได้ เนื่องจากผู้ให้บริการรายอื่นจะเก็บข้อมูลไว้ที่ Data Center ในต่างประเทศ โดยระบบ Data Center และ Cloud Service ของ INET ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรชั้นนำทั้งในไทยและในระดับสากล
ทดลองใช้ก่อนได้ ราคาตามรูปแบบบริการ
อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่คุณมรกตชี้ว่า นี่คือสิ่งที่ SME ต้องการคือการเปิดให้ทดลองใช้ก่อน โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อเข้ามาเพื่อขอทดลองใช้บริการ โดยที่ INET มีบริการ Platform จำนวนมากที่ตอบความต้องการของธุรกิจ SME หลากหลายประเภท ซึ่งการเปิดให้ทดลองใช้เป็นการสร้างประสบการณ์การใช้งานและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระบบไปในตัว
และเมื่อเป็นที่พอใจก็สามารถเลิกซื้อแพ็คเกจได้ตามที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อแบบเป็น Full Package นอกจากนี้ยังสามารถคิดราคาตามการใช้งานจริง (Pay per Use) อีกด้วย โดย INET จะเป็นผู้ดูแลระบบให้ทุกอย่างตลอด 24 ชม.
INET ยังมี Platform อีกมากมายให้หลายธุรกิจได้เลือกใช้ ตั้งแต่ Chatbot ที่ธุรกิจ SME สามารถเลือกใช้บริการได้หรือแม้แต่ Call Center ที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการมี Call Center แต่ไม่ต้องการลงทุน รวมไปถึงบริการด้านเอกสารอิเลคทรอนิกส์ ที่ปัจจุบัน INET มี Platform ในการให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการใบกำกับภาษี (Tax Invoice) ได้แบบ Paperless ซึ่งในอนาคตอันใกล้ INET กำลังพัฒนาระบบเพื่อให้เชื่อมต่อกับระบบของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกิดการทำงานในแบบ Paperless อย่างสมบูรณ์แบบ
