นี่เป็นยุคที่แม้แต่นักเรียนนักศึกษาก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการกันได้แล้ว เรากำลังจะบอกว่าหลายอย่างในการทำธุรกิจมันง่ายขึ้นมาก ด้วยความก้าวหน้าของโลกดิจิทัลที่อำนวยให้คนเชื่อมถึงกันได้ตลอดเวลา e-commerce ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งในไทยด้วย สังเกตมั้ยว่าสามสี่ปีมานี้แบรนด์ใหญ่ๆที่มีหน้าร้าน หรือแม้แต้ธุรกิจค้าปลีกใหญ่ๆ ก็ลงมาเล่นในสนาม e-commerce กันอย่างขวักไขว่ และถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มของ e-commerce หลายคนอาจจะนึกไปถึง เว็บไซต์ ซึ่งเป็นเหมือนหน้าร้านที่คอนเนคระหว่างคนซื้อและคนขายเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการรันธุรกิจ แต่วันนี้เรามาถึงยุคที่ official website อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดสำหรับ e-commerce เมื่อการค้าขายสามารถเกิดขึ้นได้ในโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถติดต่อกันได้โดยตรง ไม่ว่าจะใน LINE หรือ Facebook ที่สำคัญคือ ฟรี! (แต่เว็บไซต์ก็ยังคงมีความสำคัญและเป็นเครื่องมือที่สตรองอยู่นะ)
เราคิดว่าคุณสัมบัติหลักของ LINE@ คือมันง่าย ก็แน่นอนล่ะ ที่ผ่านมา LINE ก็พยายามจะดีไซน์ทุกอย่างให้ง่ายสำหรับ user อยู่แล้ว และความง่ายก็เป็นหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ LINE ประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว อะไรที่เป็นของใหม่แต่ต้องการให้มัน mass ถ้าทำออกมาแล้วใช้ยากคือจบ อีกสิ่งที่ LINE@ คิดมาดีคือ การสร้างแพคเกจราคาที่หลากหลาย ตามความต้องการและขนาดของธุรกิจลูกค้า มี Free แพคเกจสำหรับผู้อยากทดลองใช้ หรือมีธุรกิจขนาดเล็ก สุดท้ายคือ Effective คือใช้แล้วมันต้องเห็นผล และต้องเห็นผลได้รวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดคือระบบที่ดี ที่จะสร้าง benefit และ good experience ให้ผู้ใช้งาน
LINE@ มีอะไรดี? แล้วจะช่วยให้ธุรกิจคุณดีขึ้นได้อย่างไร?
LINE@ ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำหน้าที่คล้ายกันกับ Officail Account ที่แบรนด์ใหญ่ๆทำกัน แต่ LINE@ จะเป็นฟีเจอร์สำหรับ SMEs เปิดให้บริการไปเมื่อเดือน ก.พ. ความดีงามของฟีเจอร์ตัวนี้คือ มันถูกออกแบบมาซัพพอร์ตการค้าขายอย่างแท้จริง มันทำอะไรได้บ้าง? ฟีเจอร์ทั้งหมดของ LINE@ มีดังนี้
- แชท 1 ต่อ 1 เหมือนกับใน LINE แชท
- เพิ่มแอดมินได้ถึง 100 แอดมิน
- สร้าง Greeting Message เมื่อลูกค้าแอดมาจะเห็นข้อความนี้ทันที โดยสามารถตั้งเป็นคำถามที่พบบ่อยได้
- สร้าง Auto-Reply โดยปิดแชทและเปิด
- สร้าง Keyword-Reply นอกจากคำตอบเดียว
- โพสต์บนหน้า Timeline เหมือนกับใน LINE แชท
- ส่ง Rich Message ซึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่ที่ลิงก์ URL อื่น ช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี
- สร้าง Poll&Survey โดยมีเทมเพลตง่ายๆ ให้เลือก และสามารถดาวน์โหลดผลของแบบสอบถามออกมาด้วย
*ใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ผ่าน admin-officail.line.me และบนมือถือผ่านแอพ LINE@
สำหรับธุรกิจแล้ว LINE@ ดีกว่า LINE แชทยังไง?
หลายคนที่ใช้ LINE แชท ติดต่อลูกค้าอยู่แล้ว อาจมีคำถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนมาใช้ LINE@ 1. LINE แชท นั้นออกแบบมาเพื่อคุย จึงจำกัดการเพิ่มเพื่อนไว้ที่ 5,000 คน แต่ LINE@ นั้นออกแบบมาเพื่อธุรกิจ จึงมียอด Followers ได้ไม่จำกัด 2. LINE@ มีฟีเจอร์ที่ซัพพอร์ตการทำธุรกิจ เช่น การส่งข้อความ Broadcast(ส่งทีเดียวเห็นทั้งบาง), การส่งคูปองส่วนลด, การทำแบบสอบถาม หรือจะเพิ่มแอดมินให้มาช่วยตอบคำถามเป็น 100 คนก็ทำได้ LINE >> ครอบครัว เพื่อน คนใกล้ชิด LINE@ >> คู่ธุรกิจ แฟนคลับ ลูกค้า
LINE@ ต่างจาก Official Account ยังไง?
Official Account เหมาะกับแบรนด์ขนาดใหญ่ แต่ LINE@ สร้างเพื่อธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะ ดังนั้นค่าบริการจะถูกลงมามากๆ ธุรกิจขนาดกลางและเล็กจ่ายได้สบาย มีหลายแพคเกจให้เลือก ความแตกต่างอีกอย่างคือ Official Account จะมีโล่หน้าชื่อเป็นสีเขียว ส่วน LINE@ จะมีโล่หน้าชื่อเป็นสีเทาหรือน้ำเงิน
ธุรกิจที่ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ LINE@
ค่าบริการ และ โปรโมชั่น
LINE@ เป็นบริการในลักษณะ ฟรีเมี่ยม คือสามารถดาวน์โหลดเพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่างๆได้ฟรี แต่หากต้องการอัพเกรดจะมีแพคเกจให้เลือกซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่มเติม และเราก็มีทริคในการเลือกแพคเกจให้เหมาะกับธุรกิจกิจคุณมาบอกด้วย
- มีผู้ติดตามหลักร้อย เน้นแชท ส่งข้อความ Broadcast บ้าง ให้เลือกแบ Free ไปเลย
- มีผู้ติดตามน้อย – ปานกลาง ใช้แต่แชท ไม่ส่งข้อความ Broadcast และไม่ใช้โพสต์บนไทม์ไลน์ ก็แนะนำให้เลือกแบบ Free เหมือนเดิม
- มีผู้ติดตามน้อย แต่ส่งข้อความ Broadcast บ่อย เลือกแบบ Basic ก็พอ
- มีผู้ติดตามน้อย-ปานกลาง ส่งข้อความ Broadcast บ้างตามโอกาสพิเศษ เน้นสร้างคอนเทนท์บนไทม์ไลน์ เลือกแบบ Basic กำลังดี
- ถ้าส่งบ่อย อยากส่งไม่จำกัด ผู้ติดตามไม่เกิน 50,000 คน ใช้ Pro ไปเลย แต่ถ้าเกิน 50,000 คน แต่ไม่เกิน 300,000 คน ต้องใช้ Pro+
หากคุณสนใจอยากจะทดลองใช้ LINE@ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://at.line.me/en/ ซึ่งจริงๆก็น่าลอง เพราะสามารถใช้ฟรีได้ตามข้อกำหนด