สมัยก่อน หากต้องการเขียนแผนธุรกิจขึ้น จำเป็นต้องเขียนให้ละเอียดที่สุดเพื่อครอบคลุมการทำธุรกิจในทุกมิติ หลายๆครั้งที่ต้องเสียแรงเสียเวลาไปกับการนั่งเขียนแผนธุรกิจให้ได้ถึง 50 – 60 หน้า แต่ด้วยความ “เยอะ” ของเอกสาร ทำให้เราไม่สามารถสื่อสารแผนกับพาร์ทเนอร์ นักลงทุน แม้แต่เพื่อนร่วมทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งเป็นการทำธุรกิจอย่าง “สตาร์ทอัพ” ที่ต้องใช้ความเร็วในการดำเนินการแล้ว แผนธุรกิจที่ยิ่งเยอะ ยิ่งเสียเปรียบ แถมเอาไปปฏิบัติตามแผนยากมาก ไม่คุ้มเงิน ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป
ทำไมสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ
สาเหตุอันดับหนึ่งคือ ไม่เข้าใจ “ปัญหา” ในธุรกิจที่ทำจริงๆ เราจึงทำธุรกิจไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เสียทั้งเวลาและเงินทุน เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ไม่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
นายแอช มาอูร์ยา สุดยอดผู้ประกอบการที่ใช้ประสบการณ์ทั้งหมดมาเขียนหนังสือ “Running Lean”ยังเสริมอีกว่า
“ปัญหาที่สตาร์ทอัพทั่วโลกเผชิญ คือ เมื่อธุรกิจดำเนินไประยะหนึ่งจะเจอทางตันในการทำให้ธุรกิจเติบโต และเมื่อหาทางออกไม่เจอก็จะเกิดความล้มเหลว ซึ่ง Lean canvas นี้จะทำให้เห็นได้ว่าสตาร์ทอัพจะโตได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้เป็นสตาร์ตอัพที่มีประสิทธิภาพ”
การเป็นผู้ประกอบการอย่างเดียวก็ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่แล้ว หากไม่มีชุมชนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มีพี่เลี้ยง มีเมนเทอร์ มีนักลงทุนพูดคุย แชร์และสนับสนุนไอเดีย ก็ยากที่จะทำให้สตาร์ทอัพกล้าเสี่ยง กล้าลอง กล้าเรียนรู้และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้
รู้จัก Lean Canvas เครื่องมือที่ช่วยเราเขียนธุรกิจได้ชัดเจนในหน้าเดียว
“แอช มาอูร์ยา(Ash Maurya)” จึงได้คิดค้นวิธีการสร้างโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งจบได้ภายในกระดาษเพียงหน้าเดียวอย่าง “ลีน แคนวาส” (Lean canvas)
ซึ่งเจ้าลีน แคนวาสตัวนี้เป็นเครื่องมือที่เหล่าสตาร์ทอัพนิยมใช้ในการวางแผนธุรกิจ เพราะนอกจากจะทำให้นักธุรกิจเอาลีน แคนวาสไปใช้ได้จริงแล้ว มันยังช่วยให้เราสื่อสารแนวคิดได้ตรงประเด็น มองโมเดลธุรกิจได้กว้างขึ้น รอบด้านมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ Customer Segment ชัดเจน ลดความเสี่ยงจากความผิดพลาด ความไม่แน่นอนในการทำธุรกิจ เน้นให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพนั้น เริ่มต้นจากคำถามว่า “ทำไม” (Start with why)
ฉะนั้นจงดีใจที่มีปัญหาให้คิดให้แก้ ไม่ใช่แค่สร้างโซลูชั่น สร้างสินค้าที่ตัวเองชอบขึ้นมาอย่างเดียว
Lean Canvas เริ่มจากการตั้งสมมติฐาน
เพราะการทำธุรกิจโดยที่เราไม่รู้จักความจริงเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือสินค้าของคู่แข่ง แม้แต่ทรัพยากรและพาร์ทเนอร์ที่ตัวเองมี ก็เสี่ยงที่จะทำให้สตาร์ทอัพล้มเหลวแบบเจ็บตัวโดยไม่จำเป็นเลย
การใช้ Lean canvas เขียนโมเดลธุรกิจนั้นต้องอาศัย “ข้อมูล” ที่เกิดจากการทดลองจากสมมติฐานที่สตาร์ทอัพกำหนดขึ้น ทำให้การนำแผนไปใช้ในเชิงธุรกิจจริงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่คาดคิดได้ ซึ่งนี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อดีตสตาร์ตอัพอย่าง Facebook หรือ Dropbox เติบโตกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกได้
“การตั้งคำถามและทำการทดลองสมมติฐานเหล่านั้น ทำให้เรามองธุรกิจได้ชัดและกว้างมากขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจได้” นายแอช มารียา กล่าว
แล้วจึงค่อยหาโซลูชันที่เป็นไปได้ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนที่ชอบลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (early adopter) เพื่อเป็นการทดลองตลาดและนำผลตอบรับมาพัฒนาสินค้าและบริการต่อไป
อย่าละเลยตัววัดความสำเร็จอย่าง “Key Metrics”
เพราะก่อนที่จะทำสตาร์ทอัพนั้น เราก็ต้องวางเป้าหมายที่วัดได้ด้วย เพียงแค่ตั้ง Key Metrics สัก 1-2 ตัว “เท่านั้น” ที่ตอบโจทย์หัวใจของธุรกิจได้จริงๆ ซึ่งเราสามารถเก็บข้อมูลจากลูกค้าที่สตาร์ทอัพให้บริการอยู่แล้วได้เลย
แนวคิด Lean Canvas นี้ยังสามารถนำไปใช้ในระดับองค์กรใหญ่ๆได้ ซึ่งแนวคิดนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง อินเทล ไมโครซอฟท์ ก็มีการนำแนวคิดนี้ไปใช้ในการร่างแผนธุรกิจเช่นกัน แม้แต่คนทำงานประจำ หากเอาโมเดลนี้ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะทำให้คิดไอเดียสร้างสรรค์ได้แน่นอน
แหล่งที่มา
เสวนา “แจ้งเกิดธุรกิจอย่างไร ในยุคไทยแลนด์ 4.0” กับ แอช มาอูร์ยา วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2560 เวลา 17.30 น. ณ Hangar co-working space ชั้น 2 จามจุรีสแควร์