ฟังคำแนะนำการลงทุนปี 2560 จากสุดยอดนักลงทุนและกูรูเศรษฐกิจไทยและเทศ ในงานสัมมนาพิเศษกับกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ

สำหรับคนทำงานประจำและไม่ประจำแล้ว การลงทุนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้เพื่อความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง เพราะทุกความสำเร็จของชีวิต คือการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ

กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ใส่ใจสุขภาพทางการเงินของคุณ จึงจัดสัมมนาพิเศษเพื่อการลงทุนในปี 2560 ส่งมอบประสบการณ์ด้วยเอกสิทธิ์เหนือระดับ เติมเต็มความพิเศษให้กับทุกด้านของชีวิต ซึ่งคราวนี้มีกูรูเศรษฐกิจและการลงทุนระดับแนวหน้ามาให้ความรู้และคำแนะนำการลงทุนแบบจัดเต็ม มาฟังกันเลยดีกว่า

ปี 2017 เป็นปีที่น่าจะได้เห็นปรากฏการณ์สำคัญทั้งบวกและลบ

Mr. Raja Mukherji, Head of Asian Credit Research, PIMCO มองการลงทุนระดับโลกว่าเราจะได้เห็นการเติบโตต่อเนื่องทั่วโลกในปี 2017 นี้ ซึ่งจะช่วยถ่วงดุลกับสภาวะการลงทุนที่ยังไม่แน่นอนท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

1. การเปลี่ยนจากนโยบายการเงินสู่นโยบายการคลัง
2. การเปลี่ยนจากกระแสโลกาภิวัฒน์ (Globalization) สู่กระแสอโลกาภิวัฒน์ (De-globalization)
3. การเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศจีน

ปี 2017 จึงเป็นปีที่น่าจะได้เห็นปรากฏการณ์สำคัญทั้งบวกและลบ

หลายภาคส่วนฟื้นตัว คาดเศรษฐกิจไทยปี 2017 โต 3.5%

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มองเศรษฐกิจไทยปีที่ผ่านมาว่าเติบโตได้ดีกว่าปีก่อนๆ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโต 3.5% จากปัจจัยต่อไปนี้

1. หลายภาคส่วนฟื้นตัว เช่น ภาคการส่งออก สินค้าเกษตร
2. นักลงทุนทั้งใน-ต่างประเทศเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้น
3. การผลักดันประเทศสู่ Thailand 4.0
4. การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ พร้อมเป็นประตูสู่ ASEAN
5. การปัดฝุ่นโครงการ EEC เพื่อให้ไทยเป็น hub กระจายสินค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น

คาดเศรษฐกิจไทยปี 2560 ขยายตัวต่อเนื่อง

ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2560 ขยายตัวต่อเนื่อง 3.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนจาก 4 ด้านสำคัญ คือ

1. การบริโภคภาคเอกชน: ที่คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะรายได้เกษตรกรที่ฟื้นตัวหลังภัยแล้งคลี่คลาย อัตราค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้น การปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โครงการรถคันแรกที่จะทยอยสิ้นสุดลงซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ

2. ความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกรและ SME การอัดฉีดงบกลางปีเข้าสู่จังหวัดและกองทุนหมู่บ้าน รวมถึงความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และแผนโครงการการลงทุนในระยะยาว เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

3. การพลิกกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยของภาคส่งออก: โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านราคา

4. ภาคท่องเที่ยว: มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วภายหลังเหตุการณ์ไม่ปกติภายในประเทศ

ปี 2560 เป็นปีแห่งสินทรัพย์เสี่ยง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง

คุณศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด แนะนำให้ลงทุนในหุ้นรวม 63% และตราสารหนี้ 37% โดยเฉพาะตราสารหนี้ไทย และให้ลงทุนในทองคำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องด้วยปัจจัยบวกหลักๆ มาจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และส่งผลต่อเนื่องสู่ตลาดหุ้น

โดยการลงทุนในตลาดหุ้นรวม 63% แบ่งเป็น

1. ตลาดหุ้นไทย 33%
2. ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนา 20% (USA, Japan, Europe): เนื่องจากตลาดสหรัฐอเมริกาเติบโตดีขึ้น สนับสนุนให้เกิดการกระจายของสินเชื่อ และการที่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นทำให้เกิดโอกาสลงทุนดีๆ อีกด้วย
3. ตลาดหุ้น Emerging Markets 10% (Latin America, BRIC)

สำหรับหุ้นไทยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยบวกต่างๆ ภายในประเทศ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

1. กลุ่มพาณิชย์
2. กลุ่มพลังงาน
3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
4. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
5. กลุ่มธนาคาร

รัฐบาลมีแผนเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น ทำให้การลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวน่าสนใจ เช่นอุตสาหกรรมอาหารถูกทำให้เป็นอาหารสำหรับคนยุคใหม่ และการสนับสนุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และเศรษฐกิจชีวภาพ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

เตรียมพร้อมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในปี 2560

ซึ่งนักลงทุนอย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้ชี้ให้เห็นสถิติของไทยในอดีตเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทุกๆ 10 ปี

1. ปี 2530 เกิด Black Monday
2. ปี 2540 เกิด วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง
3. ปี 2550 เกิด วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์

ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ด้วยดังนี้

1. ถือเงินสดไว้บ้าง: เพื่อให้มีเงินทุนเข้าลงทุนทันทีในช่วงที่ตลาดหุ้นเจอวิกฤต
2. กระจายการลงทุนในต่างประเทศ: เพราะมีศักยภาพและการเติบโตที่สูงเช่นกัน เช่น ตลาดในสหรัฐอเมริกา
3. เลือกลงทุนในหุ้นกับบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตของรายได้ และมีปันผลดี: โดยมองกลุ่มบริษัทใหญ่ๆ ที่มีค่า P/E ต่ำ
4. ระวังเรื่องอัตราดอกเบี้ย: เพราะอาจจะเป็นผลกระทบจากอเมริกาที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ในระยะยาวแล้ว ไทยก็ต้องปรับขึ้น

ทั้งหมดนี้คือคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนและลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ที่ทางกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งใจจัดขึ้นมาเป็นพิเศษ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการดูแลและบริหารความมั่งคั่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจและการวิเคราะห์เจาะลึกที่ครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ตลอดจนมุมมองการลงทุนทั่วโลกประจำปี 2560 จากผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการลงทุนระดับแนวหน้าจากทั้งในและต่างประเทศ