ถ้าเป็นเรื่องความรัก ปีที่ 7 มักเป็นปีที่คู่รักหลายคู่มักเลิกร้างกัน แต่สำหรับ dtac accelerate ก้าวสู่ปีที่ 7 กลับยิ่งอบอุ่น
เพราะนอกจากจะได้ผู้เชี่ยวชาญในวงการสตาร์ทอัพระดับโลกมาร่วมเป็นวิทยากรเพิ่มขึ้น dtac accelerate batch 7 ยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในวงการสตาร์ทอัพไทยมาร่วมเป็น Mentor มากถึง 10 ท่าน นอกจากนี้ ก็ยังได้พันธมิตรใหม่เข้ามาเสริมทัพ อย่าง KTBG ที่มาพร้อมขุมพลังมหาศาลในการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย ทั้งด้านเงินทุน ความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep tech) และฐานลูกค้า
หลักสูตรระดับ World Class โดยผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
เหมือนเช่นทุกปี dtac Accelerate ได้พัฒนาหลักสูตรบ่มเพาะสตาร์ทอัพในโครงการ โดยจับมือร่วมกับสตาร์ทอัพแถวหน้าของไทยและผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเสียงจริงระดับโลก โดยกูรูระดับโลกที่ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรในปีนี้ ได้แก่
เจคอป กรีนสแปน (Jacob Greenspan) หัวหน้าทีมด้านการออกแบบ UX และ UI ให้กับโครงการ Google LaunchPad Accelerator มาเป็นวิทยากร และ เนียร์ อียาล (Nir Eyal) ผู้เขียนหนังสือ “Hooked: How to Build Habit-Forming Products” ที่มียอดขายอันดับ 1 ในหมวดหนังสือสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์ Amazon และอยู่เบื้องหลังความฮิตติดลมของ Facebook ซึ่งทั้งคู่จะมาเป็นวิทยากรต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
ขณะที่ เจค แนป (Jake Knapp) เจ้าของประสบการณ์ทำงานกับ Google, Google Ventures และเป็นโค้ชให้กับหลายหน่วยงาน เช่น Uber, LEGO, และ The New York Time จะมาถ่ายทอดเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับสตาร์ทอัพไทยในโครงการบ่มเพาะของ dtac ปีนี้เป็นปีแรก
นอกจากนี้ยังมีผู้คร่ำหวอดในวงการสตาร์ทอัพอีกกว่า 10 ท่านที่เข้าร่วมเป็นวิทยากร เช่น สกอต เบล (Scott Bales) ผู้เชี่ยวชาญ Lean Startup, “กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล เจ้าพ่อสตาร์ทอัพเมืองไทย และผู้บริหารกองทุน 500 Startups, โคอิชิ ไซโตะ (Koichi Saito) ผู้ก่อตั้ง KK Fund และ ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม CEO ของ Accrevo เป็นต้น
เพิ่มความเข้มข้นด้วย Mentor ถึง 10 คน
คุณสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท เล่าว่า ปีนี้ได้รับเกียรติจาก Mentor เข้าร่วมโครงการมากถึง 10 คน ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา โดยมี Mentor หน้าใหม่ถึง 2 ท่าน ได้แก่
คุณเจษฎา สุขทิศ CEO และผู้ก่อตั้ง Finnomena (dtac accelerate batch 4) ซึ่งขณะนี้ Finnomena ได้มีส่วนช่วยบริหารการลงทุนให้กับผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มด้วยมูลค่า 6,000 ล้านบาทต่อเดือน และ คุณณธิดา รัฐธนาวุฒิ ผู้ก่อตั้ง MarketingOops.com เว็ปไซต์การตลาดชั้นนำของไทย อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล กลยุทธ์สื่อสารออนไลน์ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสตาร์ทอัพมากมาย
สำหรับ Mentor อีก 8 ท่าน ประกอบด้วย คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย, คุณชาริณี กัลยาณมิตร CEO ของ Ikigai Group และ Venture Partner ของ Gobi Ventures, คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO ของ Ookbee, คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง priceza.com, คุณไผท ผดุงถิ่น ผู้ก่อตั้ง Builk, คุณกิตตินันท์ อนุพันธ์ CEO & Founder of Claim Di, คุณทิวา ยอร์ค หัวหน้าโค้ช และ CEO ของ Kaidee.com และ คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง Tarad.com
นอกจากนี้ยังมี Pandawan หรือผู้ช่วย Mentor อีก 10 คนที่ล้วนแล้วแต่เป็น “ศิษย์เก่า” dtac accelerate มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงและเคี่ยวกรำสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อทำให้สตาร์ทอัพที่อยู่ภายใต้การดูแล “เกิด” หรือบางท่านก็ตั้งเป้าไปถึงการปั้น “ผู้ชนะ”
อบอุ่นและแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรยักษ์ใหญ่
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ dtac accelerate batch 7 หนีไม่พ้นการได้พันธมิตรหน้าใหม่อย่าง KBTG เข้ามาเป็นพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีการเงินอย่างเป็นทางการ เพิ่มเติมจากพันธมิตรผู้สนับสนุนรางวัล (Award Sponsors) ที่จับมือกันมาอย่างแน่นแฟ้น ไม่ว่าจะเป็น เมืองไทยประกันชีวิต, ปตท. SIRI Ventures และ LINE ประเทศไทย
“KBTG มีทรัพยากรมหาศาล หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า KBTG มีคนเก่งทางด้าน AI และ Machine Learning มากกว่า 200 คนในองค์กร นั่นคือสิ่งที่สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน”
คุณสมโภชน์เชื่อว่า การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเป็น “ผู้นำ” ในหลากหลายอุตสาหกรรมเช่นนี้ น่าจะทำให้โครงการ dtac accelerate เป็นโครงการที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพไทยที่อยากเติบโตในประเทศไทยและในอาเซียน
เปิดหลักสูตรใหม่ต่อยอด “ครอบครัวดีแทคแอคเซอเลอเรท”
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา โครงการ dtac accelerate มีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จถึง 46 บริษัท มูลค่ารวม 5.1 พันล้านบาท ระดมทุนไปได้แล้วกว่า 870 ล้านบาท โดยมีสตาร์ทอัพที่ผ่านการระดมทุนระดับ Series A ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าการลงทุน 1-15 ล้านเหรียญสหรัฐ (33-495 ล้านบาท) เพียง 6 บริษัท และอีก 23 บริษัทที่ผ่านการระดมทุนระดับเริ่มต้น (Seed) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน 20,000-50,000 เหรียญสหรัฐ (6 แสน- 1.5 ล้านบาท)
“เราอยากเพิ่มสัดส่วนสตาร์ทอัพในโครงการ dtac accelerate ที่สามารถระดมทุนจาก Seed ถึง Series A เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 25% ให้กลายเป็น 50% ขณะเดียวกัน เราก็อยากทำให้บริษัทที่สตาร์ทอัพที่ระดมทุนผ่าน Series A แล้วมีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นไประดมทุนในระดับ Series B”
แนวคิดดังกล่าวกลายเป็นที่มาของการเปิดหลักสูตรใหม่ ที่มีชื่อว่า “A Academy” ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมสำหรับการระดมทุนในรอบการระดมทุนที่มีมูลค่าสูง รวมถึงการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น และการนำเทคโนโลยีขึ้นสูงมาปรับใช้กับธุรกิจ โดยนำหลักสูตร “Leaders Lab” ของ Google มาใช้ พร้อมกับได้เชิญ Venture Capital ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียเข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการระดมทุน การจัดรูปแบบด้านการเงิน และแบ่งปันเทคนิคต่างๆ ฯลฯ โดยหวังว่าจะช่วยให้สตาร์ทอัพที่เคยร่วมโครงการ dtac accelerate ก้าวไปถึงการระดมทุนระดับ Series A และ Series B เพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพในครอบครัว dtac accelerate ก้าวไปถึงการเป็นยูนิคอร์นของประเทศไทย เป็นรายแรก
“สตาร์ทอัพที่อยากมีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตร A Academy ต้องเริ่มจากก้าวแรกคือต้องเข้าโครงการ dtac accelerate เพื่อมาเป็นครอบครัวเดียวกันก่อน” คุณสมโภชน์ทิ้งท้าย
สิ่งที่สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ
- เงินลงทุนตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึง 1.5 ล้านบาทต่อทีม
- เข้าร่วม Bootcamp เป็นเวลาถึง 4 เดือน โดยต้นแบบหลักสูตรมาจาก Silicon Valley
- ได้รับคำแนะนำและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจาก Mentor ที่ล้วนแต่เป็นกูรูชื่อดังในวงการสตาร์ทอัพระเทศ
- โอกาสนำเสนอไอเดียและโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพต่อหน้านักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ
- ทีมชนะจะได้รับรางวัลการเข้าร่วม Tech Conference ระดับโลก และอื่นๆ อีกมากมาย!
กำหนดการรับสมัครและกิจกรรมต่างๆ
- เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพที่่สนใจเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้ ถึง 16 เมษายน 2562 สามารถส่งใบสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ http://accelerate.dtac.co.th/en/home
- เปิดให้ประลองไอเดียนำเสนองานในสไตล์ไวกิ้ง (Viking Pitch Clinic) ณ สำนักงาน LINE ประเทศไทย วันที่ 30 มีนาคม 2562
- นำเสนอผลงาน Pitch Day วันที่ 9 พฤษภาคม 2562
- สตาร์ทอัพผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้โอกาสเข้าอบรมบูทแคมป์ (Bootcamp) ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม-6 กันยายน 2562
- นำเสนองาน (pitching) หรือ Demo Day วันที่ 6 กันยายน 2562