‘เมาไม่ขับ’ ดูเหมือนจะเป็นแคมเปญที่เน้นกันทั่วโลก เพราะว่าสาเหตุของอุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากอาการมึนเมา มีปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายมากจนไม่สามารถควบคุมสติหลังพวงมาลัยได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้คนขับได้รับอันตรายแล้วยังทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนถึงชีวิตได้
แต่ล่าสุด ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำทำให้มีนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Driver Alcohol Detection System for Safety (DADSS)” ซึ่งจะช่วยขัดขวางคนขับรถที่มีอาการเมาไม่ให้สามารถสตาร์ทรถได้ !! เปิดตัวโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ที่กรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นผลงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่ปี 2008
ทำงานอย่างไร?
สำหรับ DADSS เป็นระบบตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งมีกลไกหลักอยู่ 2 อย่าง
- ระบบวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งติดตั้งไวว้ที่พวงมาลัยหรือไม่ก็ที่ข้างประตูคนขับ ซึ่งสามารถตรวจวัดระดับอนุภาคแอลกอฮอล์ในอากาศรอบๆ ได้ นั่นหมายความว่าถ้าคนขับไม่ต้องการที่จะเป่าดีไวซ์วัดระดับแอลกอฮอล์ แต่ระบบก็ยังสามารถวัดผลปริมาณการดื่มได้
- เป็นระบบเซ็นเซอร์สัมผัส ซึ่งติดตั้งอยู่ตรงปุ่มจุดไฟและตรงชิฟท์เกียร์ ใช้การวิเคราะห์สเปกตรัมเนื้อเยื่อไว้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ คล้ายกับระบบตรวจวัดลมหายใจ คือถ้าผู้ลงทะเบียนมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ 0.08 ระบบสตาร์ทก็จะไม่ทำงาน
อย่างไรก็ตาม DADSS ยังคงห่างไกลอีกหลายปีกว่าจะใช้ได้ในรถจริง แต่ทาง NHTSA ก็พยายามที่จะผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งเทคโนโลยีระบบนี้เข้าไปในยานยนต์ โดยหวังว่าในอนาคตจะประสบความสำเร็จและกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานโดยทั่วไป.
Driver Alcohol Detection System for Safety – Technology Overview
httpv://www.youtube.com/watch?v=yykyT4YRw4A