แฟนพันธุ์แท้เซเว่น อีเลฟเว่น โดยเฉพาะ “สายแซ่บ” น่าจะเคยผ่านตา “น้ำพริกป้าแว่น” มาบ้าง หรือต่อให้ไม่เคยลองลิ้ม ชิมรสน้ำพริกในแพ็กเกจพร้อมรับประทาน ก็ยังมั่นใจว่าทุกคนเคยเห็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบนชั้นวางภายในเซเว่น ฯ มาแล้ว และอาจเพราะรสชาติอร่อยจัดจ้าน ถูกปากถูกใจคนไทย พร้อมแพ็กเกจขนาดเล็กลงจึงสะดวกต่อการพกพา สามารถกินให้หมดได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเก็บเป็นน้ำพริกเก่าแห้งติดครัว ทำให้น้ำพริกในเซเว่น ฯ กลายเป็นหนึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยม
อย่ามองข้าม “โอกาส” เครื่องมือทรงพลังของ SME
แต่เส้นทางการเป็น SME ไม่ใช่เรื่องง่าย! แม้ว่าใครๆ จะลุกขึ้นมาเป็น SME มีสินค้าติดแบรนด์ของตัวเองได้ แต่การจะรักษาตลาดให้สินค้ามียอดขายต่อเนื่องและประสบความสำเร็จระยะยาวนั้น จำเป็นต้องพึ่งพาหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือ “โอกาส”
เช่นเดียวกับเส้นทางความสำเร็จของน้ำพริกป้าแว่น ซึ่งกว่าจะมาเป็นน้ำพริกพร้อมรับประทานขึ้นชั้นวางขายกับ เซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศได้นั้น ก็ต้องเผชิญอุปสรรคและวิกฤตต่าง ๆ มากมาย กระทั่งเกิดภาระจากหนี้สินกว่า 30 ล้านบาท แต่เมื่อสินค้าได้ขายผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำพริก ที่มียอดการผลิตหลายแสนกระปุกต่อเดือน สามารถสร้างงานสร้างอาชีพแก่ชุมชน
แม้จะปฏิเสธไม่ได้…ว่าการสร้างจุดเด่นให้ผลิตภัณฑ์ ทั้งเรื่องรสชาติ คุณภาพ และมาตรฐานการผลิต จะเป็นเกณฑ์หลักที่นำพาให้น้ำพริกป้าแว่นสามารถเจาะเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของซีพี ออลล์ที่เปิดกว้างให้กับตลาด SME ไทย ได้นำสินค้าที่ผลิตในชุมชน จากวัตถุดิบและแรงงานของคนในชุมชน ขึ้นสู่ชั้นวางสินค้าที่เข้าถึงผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกจังหวัด
วางต้นแบบ Ecosystem แนวใหม่ “กระจาย” เพิ่มความสำเร็จ!
ตัวอย่างจากกรณีน้ำพริกป้าแว่น สามารถสะท้อนเรื่องราวความพยายามสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เพราะการที่ผู้ประกอบการไม่หยุดนิ่งในการคิดค้น พัฒนา และเดินหน้ารักษาธุรกิจของตนเอง สามารถกระตุ้นให้เกิดพลังส่งต่อคนรอบข้าง ตั้งแต่คนในครอบครัว พนักงาน ตลอดจนคนในชุมชนและท้องถิ่น เช่น การจ้างงานคนในชุมชน ช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นด้วยการรับซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของสินค้า ทำให้ชุมชนไม่ต้องขายสินค้าผ่านพ่อค้าคนกลางและมีรายได้ประจำที่แน่นอน ตลอดจนการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าใหม่มีสูตรใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อแต่ละฝ่ายล้วนร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพกระทั่งส่งผลดีต่อทุกฝ่ายเอง เมื่อแบรนด์สามารถสร้างจุดแข็งและผลักดันสินค้าของตนให้เข้าถึงช่องทางขายหลักได้ ซึ่งกรณีนี้…ช่องทางขายทั่วประเทศของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ยิ่งเปรียบเสมือนประตูโอกาส เพราะการที่แบรนด์สามารถรักษาความสำเร็จเอาไว้ได้ ก็สามารถสร้างยอดขายระยะยาวและแน่นอนว่าสร้างอาชีพ สร้างความสุข ภายใน Ecosystem ได้อย่างยั่งยืน
ต้องแข็งแกร่งทั้ง “ออฟไลน์ – ออนไลน์” ต่อลมหายใจธุรกิจ
อาจมีคนตั้งข้อสงสัยว่าซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จาก SME ไทยขนาดไหน…คงต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่การนำสินค้าที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมจากลูกค้าไปวางอยู่บนชั้นวางสินค้า แต่ได้ร่วมกับ SME ในการพัฒนาและผลักดันสินค้าจากกลุ่ม SME ให้สามารถสร้างรายได้และต่อยอดการขายมากขึ้น ด้วยการนำไปจำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และช่องทางต่างๆ ของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด อาทิ www.shopAt24.com นิตยสารทเวนตี้โฟร์ แคตตาล็อก และศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ เพิ่มเติมด้วย โดยปัจจุบันมีสินค้า SME รวมกว่า 13,000 รายการ ได้จำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ก็ยิ่งกระจายโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างรายได้มากขึ้นจากแพลตฟอร์มต่างๆ ของซีพี ออลล์ ทั้งยังตอบโจทย์การช้อปปิ้งออนไลน์ซึ่งกลายเป็นพฤติกรรมที่นิยมของคนไทยอีกด้วย
รักษา “มาตรฐาน” หัวใจหลักผู้ประกอบการ
ก่อนสินค้าจะสามารถวางขายอยู่ในเซเว่น อีเลฟเว่นได้ แน่นอนว่าต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ซีพี ออลล์ วางโครงสร้างเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง ก็คือ การจัดทีมงานเพื่อคอยให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานต่าง ๆ แก่ SME อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนเรื่องคุณภาพสินค้า ซึ่งการให้คำแนะนำก็ดำเนินงานกันอย่างใกล้ชิด กลายเป็นอีกความได้เปรียบที่ทำให้ SME ไทยสามารถพัฒนาและรักษาคุณภาพสินค้าเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง สามารถข้ามผ่าน ปัญหาในเรื่องงบประมาณการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำแก่ธุรกิจเกิดใหม่ หรือกระทั่งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ยังสร้างรายได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็ยังมีการแนะนำให้เกิดการต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด สามารถลดขั้นตอนการออกผลิตภัณฑ์แบบลองผิดลองถูก เดาใจผู้บริโภคไปได้อีกเปราะหนึ่ง