‘Blessing in Disguise เมื่อเราดิ่งดำมืดที่สุด มักจะมีแสงสว่างอยู่เสมอ’ แนวคิดทางธุรกิจจากประสบการณ์จริงของ ‘สุหฤท สยามวาลา’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา จำกัด ที่จะทำให้องค์กรสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส และอยู่รอดได้ในโลกธุรกิจที่ไม่ทีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ยากลำบากขององค์กร และสิ่งที่ผมค้นพบก็คือ ในวันที่เราถึงจุดต่ำสุด ไม่รู้จะทำอะไร แต่ในที่สุดก็มีแสงสว่างขึ้นมา จึงเป็นที่มาของ Blessing in Disguise เมื่อเราดึงดำมืดที่สุด มักจะมีแสงสว่างอยู่เสมอ เพียงหาให้เจอ ซึ่งผมไม่เคยมีช่วงชีวิตไหนสนุกเท่านี้มาก่อน” สุหฤท แชร์ให้ฟังถึงแนวคิดการทำธุรกิจที่ได้จากประสบการณ์จริง ภายในงาน Marketing day 2022
การต่อสู้ในเชิงธุรกิจ ไม่มีจุดต่ำสุด มันจะต่ำสุดไปเรื่อย ๆ โปรดจ้องมองทางสว่าง
ก่อนหน้านี้สุหฤทเคยคิดว่า ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่โรงงานไม่เหลืออะไรเลย เป็นวันที่ถึงจุดต่ำสุดของชีวิตแล้ว ทว่าเมื่อเจอสถานการณ์โควิดขึ้นมา ยอดขายของบริษัทดี เอช เอ สยามวาลา ที่เคยมีอยู่ 3,000-4,000 ล้านบาท หายไป 85% จนชีวิตไม่รู้จะทำอย่างไร ได้สอนให้เขารู้ว่า เมื่อเจอปัญหา อย่าคิดว่านั้นเป็นจุดต่ำสุดแล้ว เพราะคุณยังสามารถเจอปัญหาที่เป็นจุดต่ำสุดได้อีก แต่ชีวิตคนเราจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องปรับตัวเรื่อย ๆ
จงสนุกกับการบีบรัดทางธุรกิจ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของตน
แม้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ขณะเดียวกันการหยุดชะงักของธุรกิจ ก็ทำให้บรรดาผู้บริหารและนักการตลาดได้หยุดพัก กลับไปทบทวนถึงจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กรมากขึ้น เพื่อนำมาปรับกระบวนยุทธ์ใช้รอดวิกฤตและสามารถเดินหน้าต่อได้ ซึ่งในช่วงเกิดปัญหาแบบนี้ ทำให้เกิดการกระตุ้นทางการตลาด และ creativity เป็นอย่างมาก
อย่างตัวสุหฤทเองได้เปลี่ยนวิธีคิดทางการขาย วิธีทำการตลาดในการบริหารบริษัทเครื่องเขียน จากเดิมเน้นสร้างแบรนด์และพัฒนาสินค้า เช่น แฟ้มตราช้างจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ดินสอสีมาสเตอร์อาร์ต ทำอย่างไรให้เขียนดีขึ้น เป็นต้น แต่เมื่อวันที่เกิดปัญหา กลับกระตุ้นอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ไลน์การผลิตแฟ้มตราช้างที่ต้องหยุดเพราะยอดขายแฟ้มตราช้างที่หายไป ก็เปลี่ยนมาผลิต Face shied หรือนำไปผลิตเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด และนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อนำไปทดแทนจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ ฯลฯ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก
“สิ่งเหล่านี้ จะคิดไม่ได้เลยในสถานการณ์ปกติ ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกและต้องขอบคุณวิกฤตที่เกิดขึ้น เพราะสร้างให้เกิดแรงกระตุกและความคิดสร้างสรรค์ในสิ่งที่มีอยู่ ถ้าคุณเป็น marketer ตัวเอก โปรดหา asset ตัวนั้น หาสิ่งที่สร้าง asset ตัวนั้น แล้วออกจากกรอบเดิมให้หมด”
หาข้อมูลเพื่อพิชิตช่องว่าง อย่าไปตามหัวใจมากเกินไป
เมื่อเจอทางออกหรือแสงสว่าง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ การมีความสุข รู้สึกหัวใจพองโต จนอาจลืมนึกถึงตัวเลขทั้งงบประมาณต่าง ๆ และยอดรายได้ ซึ่งถือเป็นอีกหัวใจของการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึง ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าใช้หัวใจจนมองละเลยตัวเลขเหล่านี้
คำว่า MD ในช่วงนี้ คือ Manage Disaster ไม่ใช่ Managing Director
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง MD ไม่ใช่ Managing Director แต่เป็น Manage Disaster ถ้าทุกคนเป็น Leadership ในองค์กร ต้องการเติบโต การ Manage Disaster เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีหลายสถานการณ์เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดทั้งภัยพิบัติและโรคระบาด
เปลี่ยนวิธีการทำตลาดง่ายกว่าเปลี่ยนทุกคนในองค์กรให้ตามตลาด ถ้าทำได้ Leadership จึงเกิด
นอกจากนี้ สุหฤทยังแชร์อีกว่า วิกฤตครั้งนี้ทำให้เขาเกิดไอเดียมากมายในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ทั้งแนวคิดการทำตลาด การพัฒนาและสื่อสารเกี่ยวกับโปรดักท์ การสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งสามารถทำได้ง่าย แต่จะเปลี่ยนคนในองค์กรให้ไปตามตลาดและแนวทางที่วางไว้เป็นเรื่องยาก แต่ท้าทาย และเป็นโอกาสให้ฝึกความเป็น Leadership
“สมัยก่อนบริษัทผมมีคนทำด้าน e-marketplace คนเดียว วันนี้มี 7 คน แต่กว่าจะขยายแผนกนี้ฝ่าแนวต้านเยอะมากในองค์กร เพราะเขาอาจจะไม่พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผมจึงใช้เวลาส่วนมากในการทำให้คนเปลี่ยนแปลงตามทิศทางบริษัท นำเสนอไอเดียด้วยข้อเท็จจริง เพราะผมคิดว่า ในฐานะนักการตลาดเราขายไอเดียทุกวัน แต่ถ้าสุดท้ายเรานั่งอยู่หลังห้องประชุม ไม่ลุกมาสร้างการเปลี่ยนแปลง ไอเดียที่มีทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ เป็นเรื่องไม่มีประโยชน์”
ปรับตัวในช่วงวิกฤตแล้ว ‘อย่า’กลับไปเหมือนเดิมเมื่อวิกฤตหมด ‘เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย’
ในวันนี้โลกและวิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ดังนั้น นักการตลาดที่ดีต้องมองว่า เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องเปลี่ยนเลย แล้วดูว่า จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างไร อย่าโหยหาเรียกอดีตที่ไม่กลับมา ให้กลับมา หรือกลับไปทำในสิ่งที่เคยทำมาเดิม เพราะเมื่อโลกเปลี่ยน ตลาดเปลี่ยน วิถีชีวิตคนเปลี่ยน สิ่งเก่าๆ จะไม่มีวันกลับมา
ไม่ต้อง ‘กระแดะ’ แข็งแรง เจ็บก็ร้องไห้แล้วเดินต่อ
เมื่อเจอวิกฤต อย่ากระแดะว่า แข็งแรง ทุกคนอ่อนแอได้ ล้มได้ และอย่ากลัวที่ร้องไห้ เพราะนักการตลาดทุกคนอยู่บนโลกแห่งการสร้างสรรค์ เมื่อใจไม่สบาย จมอยู่กับปัญหา ไม่มีทางจะสร้าง creativity ให้เกิดได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ถ้าทุกข์ อย่ากระแดะแข็งแรง ล้มได้ ร้องไห้ได้ หายแล้วลุกขึ้นมาให้ไว เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า
จงสนุกกับวิกฤต เพราะตอนนั้น ‘ความร่วมมือ’ สูงสุด
อีกข้อดีที่สุหฤทได้ค้นพบท่ามกลางวิกฤต ก็คือ จังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในองค์กรเกิดความร่วมมือร่วมใจแบบไม่เคยหาได้มาก่อน อย่างองค์กรของตัวเองสามารถสร้างทิศทางและพัฒนาธุรกิจในแนวทางใหม่ได้ในเวลารวดเร็ว เช่น สามารถสร้างเวบไซต์แบบ B2B ได้ภายในเวลาเดือนเดียว สามารถเปลี่ยนการขาย เป็นต้น ดังนั้นถ้าคุณเป็นนักการตลาดที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง มี Leadership การดึงสิ่งใหม่ให้เกิดในองค์กรช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ สุหฤท สยามวาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา จำกัด ได้แชร์แนวคิดทางธุรกิจจากประสบการณ์จริงจากการเผชิญวิกฤตช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เขาสามารถพาองค์กรอยู่รอดและเดินหน้าต่อไปได้ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงวิกฤตโรคระบาดไม่จบ