อีกไม่กี่วัน ‘Disney+ Hotstar’ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไทย และด้วยคอนเทนท์ยอดฮิตที่หลากหลายอัดแน่น บวกกับราคาค่าบริการ ที่เรียกได้เลยว่า เร้าใจสุด ๆ ยิ่งทำให้สมรภูมิ ‘สตรีมมิ่งวีดีโอ’ ในบ้านเราน่าจับตาขึ้นไปอีก
Disney+ Hotstar จะเปิดให้บริการเป็นทางการในไทยวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในอัตราค่าบริการ 799 บาทต่อปี หากเป็นลูกค้าของ AIS จะสามารถสมัครได้ด้วยราคาพิเศษ 35 บาท/เดือน แถมพิเศษ 1 เดือน (ในปีแรกของการบริการ) จากราคาเต็ม 99 บาทต่อเดือน สามารถรับชมได้พร้อมกัน 2 จอ ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์สตรีมมิง และสมาร์ททีวี
ส่วนคอนเทนท์ที่ถือเป็นอีกกลยุทธ์ในการจูงใจคนดูนั้น Disney+ Hotstar จะประกอบด้วย Disney+ Originals ประกอบด้วย ภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีส์กว่า 14,000 ตอน จาก Disney, Marvel, Pixar, Star Wars, National Geographic และอื่น ๆ อาทิ The Mandalorian, The Falcon and The Winter Soldier, WandaVision, Avengers: Endgame, Frozen 2, Maleficent: Mistress of Evil และอื่น ๆ
นอกจากนี้คอนเทนท์จากเอเชีย มีทั้งจากจีน , ญี่ปุ่น , เกาหลี และไทย เช่น ซอ บก, ชิน ก็อตซิลลา และ 24: Japan ฯลฯ ส่วนคอนเทนท์ไทยได้จับมือกับค่าย GDH และกันตนา โดยหนังที่จะนำมาฉาย อาทิ พี่มาก พระขโนง, Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน และ น้อง.พี่.ที่รัก จากค่าย GDH และ Extraordinary Siamese Story จากค่ายกันตนา
เรียกได้ว่า น้องใหม่ของตลาดสตรีมมิ่งในบ้านเรา จัดเต็มทั้งราคาและคอนเทนท์ ที่ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดใจลูกค้า
ขณะที่ Netflix (เน็ตฟลิกซ์) เอง ตอนนี้มีแพ็คเกจให้เลือกหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ 99 บาทต่อเดือน สำหรับมือถือ, แพ็คเกจมาตรฐาน 279 บาทต่อเดือน ไปจนถึงแพ็คเกจพรีเมียม 419 บาทต่อเดือน ซึ่ง 1 บัญชี สามารรถแชร์ดูได้ 4 อุปกรณ์ ส่วนคอนเทนท์มีทั้งหนัง ซีรีส์ และรายการต่าง ๆ ให้ชมหลากหลาย
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการแต่งตั้ง ‘ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ประจำประเทศไทย’ นั่นคือ ‘สิน-ยงยุทธ์ ทองกองทุน’ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการบันเทิงไทยกว่า 20 ปี ทั้งในฐานะผู้กำกับ, โปรดิวเซอร์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ รวมถึงฝากผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จทั้งในและต่างประเทศไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “สตรีเหล็ก” (2543) “สตรีเหล็ก 2” (2546) “แจ๋ว” (2547) “สี่แพร่ง” (2551) หรือ “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” (2552) และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง GDH 559 เข้ามารับตำแหน่งนี้
จนหลายคนมองว่า การขยับตัวครั้งนี้เป็นการเตรียมสู้ศึกและต้อนรับน้องใหม่ของตลาดสตรีมมิ่งในไทยอย่าง Disney+ Hotstar หรือไม่
ส่วนจากนี้รายอื่น ๆ อาทิ VIU ที่เด่นเรื่องคอนเทนท์เกาหลี ไปจนถึง iQIYI และ WeTV ที่มีจุดขายเรื่องคอนเทนท์จีน รวมถึงค่ายเดิมในตลาด เช่น Monomax ฯลฯ จะมีการวางกลยุทธ์อย่างไรทั้งในเรื่องราคา,คอนเทนท์ และการทำมาร์เก็ตติ้ง ก็เป็นที่น่าจับตา แต่วันนี้เราได้รวบรวมราคาค่าบริการของแต่ละค่ายมาไว้ให้ เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่า จะเป็นลูกค้ากับค่ายไหนดี