เพราะ ‘พลังหญิง’ และ ‘Localization strategy’ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่หลายองค์กรชั้นนำในหลายประเทศให้ความสำคัญ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ทำให้ที่ผ่านมาเราได้เห็นการปรับและเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของหลายแห่ง โดยเปิดทางให้ ‘ผู้หญิง’ ขึ้นมารับหน้าที่ Top Management และส่วนใหญ่มักจะเลือกคนในประเทศนั้นขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้ เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภค และสามารถวาง Localization strategy ได้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับ บริษัท ชิเซโด้(ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ประกาศตั้ง ‘ปาริชาติ วีระเสถียร’ ขึ้นมาเป็น ‘กรรมการผู้จัดการ’ เมื่อต้นปี 2562 ซึ่งถือเป็นทั้งคนไทยและผู้หญิงคนแรกที่รับตำแหน่งนี้ในรอบ 47 ปีนับตั้งแต่ชิเซโด้เข้ามาดำเนินธุรกิจในบ้านเรา
สำหรับจุดเปลี่ยนในครั้งนี้ ทาง ‘มร.ฌอง ฟิลลิปป์ ชาลิเย่’ ประธานกรรมการผู้บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัทชิเซโด้ ให้เหตุผลว่า
1. ชิเซโด้ต้องการเข้าถึงและเข้าใจตลาดไทยให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้บริโภคไทยมีความใกล้ชิดและชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่นสูง นอกจากนี้ด้วยเทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคไทยมีการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตัวเองค่อนข้างเร็ว รวมถึงมี Personality ชัดเจน และมีความทันสมัย กลายเป็น Trend setter เทียบเท่ากับญี่ปุ่นและเกาหลีเลยก็ว่าได้ จนหลายแบรนด์มองไทยเป็น Role model สำหรับนำไปขยายต่อยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น การคิดค้นโปรดักท์ , การนำแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามา และการทำการตลาด ฯลฯ
2.เป็นไปตามนโยบายระดับโกลบอลของชิเซโด้ ที่ให้ความสำคัญในเรื่อง M Power เพราะเชื่อว่า ความหลากหลายของคนภายในองค์กร จะช่วยผลักดันให้องค์กรมีการพัฒนาและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในอนาคต ซึ่งปัจจุบันในองค์กรของชิเซโด้ มีสัดส่วนผู้บริหารหญิงในระดับ Manager ประมาณ 65% และในระดับ Top Management อยู่ที่ 45%
3.มาจากความสามารถของ ปาริชาติ ที่แสดงให้เห็นมาตลอด 7 ปี ที่ได้ทำงานร่วมกับทางชิเซโด้ อย่างก่อนหน้านี้เธอดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป ดูแลกลุ่ม Cosmetics and Consumer Care Business หรือ C&PC ก็สามารถนำ ‘SENKA’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และ ‘Anessa’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดผิวหน้า ก้าวสู่เบอร์ 1 ในตลาด ด้วยยอดขาย 200,000 ชิ้นภายใน 1 ปี เป็นต้น
‘ทำความเข้าใจผู้บริโภค’ ที่สุดของความท้าทาย
เมื่อถามว่า อะไรคือความท้าทายที่สุดในการรับตำแหน่ง MD คนใหม่ ทาง ปาริชาติ บอกว่า หนีไม่พ้นการทำความเข้าใจผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเด็นสำคัญต้องอาศัย Customer Centric มาเป็นแกนในการทำความเข้าใจในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับการใช้ดิจิทัลเข้ามาเชื่อมโยงแบรนด์ , โปรดักท์ และผู้บริโภคเข้าด้วยกัน โดยทิศทางนี้เป็นทิศทางที่ทุกแบรนด์กำลังมุ่งไป
สำหรับ ชิเซโด้ เมื่อปีที่ผ่านมาได้ก้าวสู่การเป็น The best innovation beauty company ภายใต้วิชั่น Beauty Innovation for a better มุ่งเน้นพัฒนาโปรดักท์และนวัตกรรม เพื่อให้การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคดีขึ้น ก็ได้ให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลมาใช้เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเข้าถึงผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ได้นำแอปพลิเคชั่นชื่อดังจากจีนอย่าง ‘Meitu’ ด้วยการให้นำโปรดักท์ของชิเซโด้มาทดลองแต่งหน้าผ่านแอปดังกล่าวว่า จะออกมาเป็นอย่างไร หากผู้บริโภคลองใช้แล้วถูกใจ สามารถกดสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ทันที หรือหากต้องการเซอร์วิสหรือทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถไปที่เคาท์เตอร์ได้
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับมาร์เก็ตเพลสหลายแห่ง เช่น Lazada , Central Online และ Watsons ฯลฯ นำโปรดักท์ภายในเครือของชิเซโด้ไปขายทางออนไลน์ รวมถึงอยู่ระหว่างพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซของตัวเอง ที่คาดว่า จะเปิดให้บริการภายในปลายปีนี้ โดยแบรนด์ที่จะเข้ามาอยู่ในระบบอีคอมเมิร์ซในเบื้องต้น ได้แก่ Shiseido , NARS และ Laura Mercier
“ปัจจุบันหลายแบรนด์ในธุรกิจความงามลงมาแข่งเรื่อง Beauty Innovation แต่ชิเซโด้มีจุดแข็งที่ต่างจากแบรนด์อื่น เราทำงานภายใต้แนวคิด Omotenashi (โอโมเทนาชิ) คือ การรับฟัง ใส่ใจ และเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง ด้วยการเจาะอินไซด์ของผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ โดยแนวคิดนี้ถูกนำไปปรับใช้ในแต่ละแบรนด์ของชิเซโด้ รวมไปถึงการหาบริษัทหรือแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทัพด้วย”
ตั้งเป้าเติบโต 2 หลัก สวนกระแสเศรษฐกิจ
ส่วนการแข่งขันของตลาดความงามในไทย ปาริชาติ ยอมรับว่า มีสูงและดุเดือด ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจ คือ ไม่ว่าตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตัวเลขตลาดความงามไม่เคยตกหรือโตลดลง โดยเติบโตเฉลี่ยอยู่ราวๆ 5-7% ต่อปี
สำหรับชิเซโด้ในไทย ถือเป็นบริษัทความงามยักษ์ใหญ่ที่มียอดขายอันดับ 3 ในตลาดความงามของไทย โดยในไตรมาสแรกของปี 2562 มีการเติบโตในภาพรวมอยู่ที่ 14.8% ส่วนทั้งปีตั้งเป้าจะเติบโตในระดับ double digit growth อยู่ประมาณ 12%
“บริษัทเรามีการเติบโตในระดับ Double digit growth มาอย่างต่อเนื่อง 3 ปี และในปีนี้ก็ตั้งเป้าที่จะเติบโตเช่นเคยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020”