ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) จัดงานใหญ่ในชื่อ Big Bang 2018 ที่ได้รวบรวมเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะในปีนี้ที่เน้นไปที่เรื่องของ Big Data เป็นหัวใจหลักของงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ Big Data ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในช่วงเปิดงาน
ซึ่งภายในงานมีการจัดสัมมนาเรื่องต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น แม่นยำมากขึ้น โดยสามารถสรุปออกมาเป็น 3 ประเด็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจโดยใช้ Big Data เพิ่มประสิทธิภาพ, AI กับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และเทคโนโลยี 5G ตอบโจทย์การใช้ Big Data ผ่านระบบ AI ทั้งจากM2H (Machine to Human) และจาก M2M (Machine to Machine)
Big Data เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
รุกตลาดเข้าถึงผู้บริโภคอย่างแม่นยำ
“Disruption” คำนี้ถูกกล่าวอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีที่มองในด้านบวกคือการเข้ามาช่วยให้ธุรกิจให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย บริหารง่าย ลงทุนน้อยลงและได้ผลเต็มประสิทธิภาพมาขึ้น หากแต่ใครที่ปรับตัวไม่ทันก็จะถูกเทคโนโลยีบีบให้ล้มหายตายจากไป การ Disrupt นั้นเป็นผลมาจากเทคโนโลยีการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนไป
เมื่อพฤติกรรมและความต้องการของมนุษย์เปลี่ยนไป เทคโนโลยีจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน หากแต่ว่าการใช้เทคโนโลยีแบบสะเปะสะปะก็ไม่ต่างกับการโยนเงินล้านให้ลิง เสียเงินเป็นล้านแต่กลับทำอะไรไม่ได้หรือไม่เกิดประโยชน์คืนกลับมา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Big Data เข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับธุรกิจที่จะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เข้าถึงผู้คนในยุคปัจจุบัน
Big Data เกิดขึ้นมาจากความต้องการศึกษาและค้นหาข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นของคนเพียงหนึ่งคนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนในแต่ละวัน เมื่อรวมหลายคนข้อมูลเหล่านี้จึงมากมายมหาศาล ชนิดที่เรียกว่ายากเกินจะค้นหาหรือตรวจสอบความต้องการของคนเพียงคนเดียว ระบบ Big Data จะเข้ามาช่วยแยกแยะว่าแต่ละคนมีพฤติกรรมอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถวางแผนในการเข้าถึงตัวลูกค้าได้อย่างสนิทแนบแน่นแบบไร้รอยต่อ
ระบบ Big Data นี่เองที่จะช่วยให้แต่ละธุรกิจองค์กรทราบว่าอะไรคือความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เพื่อหาโซลูชั่นหรือบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการเหล่านั้น รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ (Awareness) ผ่านช่องทางที่ลูกค้าแต่ละรายนิยมใช้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและเกิดประสิทธิภาพในการรับรู้ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทยางรถยนต์แบรนด์หนึ่งใช้ระบบ Big Data จนทราบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องของราคาและประสิทธิภาพของยาง ซึ่งบางคนชอบเที่ยว บางคนชอบปาร์ตี้ บางคนไม่ค่อยไปไหนแลบางคนมีครอบครัวใหญ่ เป็นต้น
บริษัทยางรถยนต์นั้นสามารถนำข้อมูลเหล่านี้เพื่อนำเสนอยางแต่ละประเภทผ่านช่องทางที่ลูกค้าแต่ละคนสนใจ เช่น คนที่ชอบเที่ยว นำเสนอยางสปอร์ตที่เกาะถนนในทุกสถาพถนนแถมช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโปรโมชั่น Trading ยางเก่าแลกยางใหม่ ผ่านเว็บไซต์ท่องเที่ยวหรือให้ Influencer ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวรีวิว หรือยางรถยนต์สำหรับครอบครัวที่เน้นนุ่มสบายแต่เกาะถนนแม้เวลาที่ฝนตก เป็นต้น
AI กับ Big Data ในโลกยุคใหม่
สู่การเข้าสู่ Aging Society
จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคสัมคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ก้าวสู้สังคมผุ้สูงอายุอันดับหนึ่งของดลก โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปในสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมด การเป็นสัมคมผู้สูงอายุเป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศกำลังขาดแคลนแรงงาน ที่สำคัญกว่านั้นประเทศยังต้องการแรงงานจำนวนมากในการดูแลผู้สูงอายุ
นั่นจึงทำให้เกิดการพัฒนาระบบ AI (Artificial Intelligent) หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจได้ หลายคนเข้าใจว่า AI คือหุ่นยนต์ ซึ่งในความเป็นจริงระบบ AI คือระบบที่ทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวได้ ระบบ AI จึงสามารถสั่งงานให้ระบบต่างๆ สามารถทำงานได้ตามที่ AI ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้สูงอายุ การตวจสอบสุขภาพของผู้สูงอายุ และการทำงานทดแทนแรงงานที่ขาดหายไป เป็นต้น
นอกจากนี้ระบบ AI ยังสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ Big Data เพื่อให้สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดอย่างในปัจจุบันคือระบบChatbot ที่ระบบ AI จะเรียนรู้ Big Data ของผู้สนทนาเพื่อศึกษาความต้องการและประเมินความต้องการจนนำปสู่การตอบสนองความต้องการของผู้สนทนาในเวลานั้น
ประมาณการณ์กันว่า ประเทศที่มีปัญหาเรื่องของจำนวนประชากรอย่างจีนและสหรัฐฯ เป็นต้นและประเทศที่มีปัญหาเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีระบบ AI ผสานระบบ Big Data เนื่องจากช่วยลดปัญหาแรงงานไม่เพียงพอ ลดปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งแรงงานของประเทศในกลุ่มนี้มักจะมีปัญหาค่าจ้างที่สูงเกินไป หรือความผิดพลาดจากกระบวนการของมนุษย์เอง
อาทิ ระบบ AI ที่ช่วยตรวจสอบบ้านที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ หากระบบ AI ประเมินไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ภายในบ้านเป็นระยะเวลานาน ระบบจะอยู่ในสถานะพร้อมแจ้งเตือนภัย โดย AI จะวิเคราะห์ว่าผู้สูงอายุอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งระบบ AI จะใช้การเชื่อมต่อกับเทคโนดลยีอื่นๆ เพื่อดึง Big Data ทั้งหลายในการประเมินและวิเคราะห์สถานะ เช่น ตำแหน่งสุดท้ายที่มีการจับความเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุได้ รวมถึงประเมินระยะเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หากอยู่ในขั้นที่ระบบ AI พิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้สูงวัยได้ ระบบ AI จะทำการขอความช่วยเหลือไปยังระบบ AI ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ เป็นต้น
เทคโนโลยี 5G ส่วนสำคัญที่เชื่อม
AI ผสาน Big Data สู่ระบบ Automation
แน่นอนว่าการให้ระบบ AI คำนวนข้อมูล Big Data จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีสื่อกลางที่ช่วยให้การเชื่อมโยงสามารถทำได้เร็วและสามารถส่งผ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสื่อกลางยิ่งเป็นเทคโนดลยีความเร็วสูง การส่งผ่านข้อมูลระหว่างระบบ AI และ Big Data จะยิ่งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีที่ช่วยส่งผ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงคงหนีไม่พ้นเทคโนโลยี 5G ที่ทั่วโลกกำลังพูดถึงและกำลังวางมาตรฐานของเทคโนโลยีนี้กันอยู่
เนื่องจากปัจจุบันเราใช้เทคโนโลยี 4G ที่สามารถส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วระดับ 100 Mbps ซึ่งถือว่าเร็วมากในการใช้งานสื่อสารระหว่างคนกับคนทั่วๆ ไป แต่สำหรับเทคโนโลยี 5G จะส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วระดับไม่น้อยกว่า 1Gbps เร็วกว่า 4G ในระดับ 10 เท่าขึ้นไป การส่งผ่านข้อมุลด้วยความเร็วระดับนี้แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการส่งข้อมูลในระดับ Real Time แทบจะรับรู้ช้ากว่ากันในระดับวินาที
ความเร็วการส่งข้อมูลระดับนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง สิ่งที่จะได้จากความเร็วของเทคโนโลยี 5G แบ่งออกเป็น 2 สายโดยสายแรกเป็นการเชื่อมโยงระหว่างคนกับระบบ (M2H – Machine to Human) เช่น ระบบ Chatbot ที่สื่อสารกับมนุษย์ ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะช่วยให้การสื่อสารของ Chatbot สามารถตอบสนองได้แทบจะทันทีในการสนทนานั้นผ่านความรวดเร็วของระบบ AI ในการประมวลผล Big Data หรือการผสานการทำงานระหว่างหุ่นยนต์กับมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น5G ยังช่วยให้ AI สามารถวางแผนการตลาดผ่านการวิเคราะห์ Big Data และก่อให้เป็นโซลูชั่นในการทำแผนด้านการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ และเข้าถึงพฤติกรรมของผู้คนได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญในโลกธุรกิจใครที่ไวกว่าคนนั้นย่อมได้เปรียบ ซึ่งการที่ AI สามารถวิเคราะห์ประมวลผล Big Data ได้อย่างรวดเร็วก็เท่ากับติดอาวุธให้กับธุรกิจ
ขณะที่อีกสายเป็นการเชื่อมโยงระหว่างระบบกับระบบ (M2M – Machine to Machine) เห็นได้ชัดเจนอย่างมากกับรถยนยต์ไร้คนขับที่กำลังเป็นที่สนใจทั่วโลก การใช้ 5G เป็นระบบส่งผ่านข้อมุลจะช่วยให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว ลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากรถยนต์ไร้คนขับจะใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่งในการประมวลผล ทั้งข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์และกล้องต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ที่รถ โดยคาดการณ์กันว่ารถยนต์ไร้คนขับจะมีเซ็นเซอร์และกล้องไม่น้อยกว่า 12 ตัวต่อคัน
ข้อมูลที่ได้จากระบบดาวเทียมที่ช่วยให้ระบบ AI คำนวนเส้นทางและวคามเร็วให้เหมาะสมกับสภาพจราจรข้างหน้า และข้อมูลจากกฎหมายจราจรและกฎระเบียบการขับขี่ต่างๆ ทั้งป้ายจราจรและสัญญาณไฟ ทั้งหมดนี้ระบบ AI จะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ในรูปแบบของ Big Data เพื่อทำการตัดสินใจ นอกจากนี้ตัวระบบ AI เองก็ไม่มีมีความฉลาดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะระบบ AI จะใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก Big Data มาประมวลและวิเคราะห์อย่างมีเหตุปละผล
หากแต่ระบบ AI ก็สามารถถูกหลอกได้ โดยหากติดตามข่าวเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไร้คนขับจะพบว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดของ AI นั่นจึงทำให้ผู้พัฒนาระบบ AI ต้องสอนให้ AI รู้จักกระบวนการ Deep Learning ทำให้มีข้อมูลปริมาณมากมาย โดยให้ AI รู้จักแยกแยะข้อมูลต่างๆ ด้วยปริมาณข้อมูลแบบ Big Data หากไม่ใช่เทคโนโลยีในการส่งผ่านข้อมูล AI อาจทำการวิเคระห์และตัดสินใจช้า ซึ่งการตัวสินใจช้าเพียงเสี้ยววินาทีบนท้องถนนก็อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
Big Data ขับเคลื่อนประเทศ
รวมพลัง AI+ 5G+ Big Data
สิ่งที่งาน Big Bang 2018 กำลังจะบอกคือ ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาให้ภาคธุรกิจให้สามารถตอบสนองผู้บริโภคด้วย Big Data นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าอนาคตเทคโนโลยีอย่าง 5G จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงข้อมูลด้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ Big Data มีปริมาณข้อมูลที่มากมาย AI จะเข้ามาช่วยในการค้นหาและวิเคราะห์บนเทคโนโลยี 5G ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะโลกในอนาคตระบบจะมีความฉลาดมากขึ้น ระบบอัตโนมัติจะถูกนำมาใช้มากขึ้น เพื่อทดแทนคนรุ่นใหม่ที่หายไปกับผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อ AI ผสานเข้ากับเทคโนโลยี 5G เพื่อประมวลผล Big Data สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันจะเกิดเป็นสิ่งที่เรารู้จักและคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีในนาม Internet of Things (IoT) ที่จะทำให้บ้านฉลาดขึ้น รถยนต์ฉลาดขึ้น เมื่อฉลาดขึ้น ประเทศฉลาดขึ้นและโลกฉลาดขึ้น