ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการบริหารธุรกิจในยุคเงินเฟ้อพุ่งสูง แต่ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY สามารถฝ่าด่านอรหันต์มาได้อย่างสวยงาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ SABUY จะเป็นแค่เพียงบริษัทฟินเทค แต่ปัจจุบันได้ขยายอาณาจักรให้บริการแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ดิจิทัลแบบครบวงจร โดยเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ยิ่งแพลตฟอร์มมีบริการเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย
ล่าสุดโชว์ผลงานไตรมาส 2 รายได้รวม 756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือ 95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 19% และมีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 309 ล้านบาท หรือ 657%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิส่วนของบริษัท สำหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2565 สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เท่ากับ 356.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 309.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 656.6 และ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมากำไรสุทธิส่วนของบริษัท เพิ่มขึ้น 249.0 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 232.1 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการรับรู้กำไรจากการลงทุนใน บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจ จำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบบขายตรงเป็นหลัก และบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์ม และ บริหารจัดการจากองค์กรธุรกิจ ในด้าน CRM Management หรือการบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า
นอกจากนี้ หากคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 47% โดย SABUY รับรู้กำไรจากการลงทุนในบริษัทต่างๆในกลุ่มของ SABUY ซึ่งมีทั้งหมด 6 กลุ่มธุรกิจคือ
1.Payments and Wallet ธุรกิจบริการด้านการชำระเงินและระบบการเงินอิเลคทรอนิกส์
2. Enterprise & Life ธุรกิจให้บริการสำหรับองค์กรและไลฟ์สไตล์ด้วยความเข้าใจผู้บริโภค
3.Connext ธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่ายและเชื่อมต่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม
4. Financial Inclusion ธุรกิจให้บริการสินเชื่อและประกันภัย
5. InnoTainment ธุรกิจนวัตกรรมทางสื่อ ดิจิทัลมีเดีย และเครือข่าย
6. Venture ธุรกิจการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ SABUY ได้ลงทุนและร่วมมือกับหลายๆ บริษัทตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/65 อนุมัติให้เข้าลงทุนในบริษัท อุ๊ปส์ เน็ตเวิรค์ จำกัด (MKO) และบริษัทเรดเฮ้าส์ ดิจิทัล จำกัด (RH) 50% เพื่อขยายธุรกิจสื่อและโฆษณา นอกจากนี้บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรต่างประเทศอีก 2 ประเทศ เพื่อขยายฐานและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดว่าสิ้นปี 2565 ตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 ล้านบาท จากธุรกิจเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท เพิ่มเติมด้วยธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Connext ประมาณ 500 ล้านบาท Enterprise & Life ประมาณ 1,300 ล้านบาท และในปีหน้า 2566 ตั้งเป้าไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยธุรกิจเดิม 5,000 ล้านบาท ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Enterprise & Life ประมาณ 9,000 ล้านบาท กลุ่ม Connext ประมาณ 3,000 ล้านบาท กลุ่ม InnoTainment ประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่ม Financial Inclusion ประมาณ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ SABUY สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจโซลูชั่นส์และช่องทางการขายและบริการ (Solutions and Channels) ผ่าน Drop-off ต่างๆ และธุรกิจการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ (Retail) ผ่านทาง PTECH ในขณะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโดยการคุมค่าใช้จ่ายได้ดีจากการควบรวมกลุ่ม Drop-off หลายแบรนด์เข้าด้วยกันเมื่อช่วงต้นปี เช่น The Letter Post, Point Express, PaysPost, ตลอดจนการนำบริษัทอื่นๆ เข้ารวมกลุ่มเช่น CitySoft, ForthSABUY, TeroSABUY, PFS, ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม SABUY มีการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ Sustainability Growth ได้มีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการพัฒนาบุคลากร การนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในระบบงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลบริษัทที่ดี การตรวจสอบภายใน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนสำคัญ และมีส่วนช่วยให้ SABUY สามารถเติบโต มั่นคง และยั่งยืน ต่อไปในอนาคต และพร้อมที่จะขยายธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการนำทัพเปิดทีมผู้บริหารมือพระกาฬหลายเซกชั่นเสริมความแข็งแกร่ง