ถ้าพูดถึงอีเวนท์ใหญ่แบบขายบัตรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่โด่งดังที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาหนึ่งในชื่อที่ถูกยกขึ้นมาต้องเป็น “S2O Festival” อย่างแน่นอน เพราะงานนี้เป็นเทศกาลดนตรีในช่วงสงกรานต์ที่ขายบัตรหมดอย่างรวดเร็วทุกปี สามารถสร้างกระแสไวรัล การพูดถึงความสนุก สุดมัน และความเปียกปอนแบบไม่มีเทศกาลไหนในโลกทำได้
S2O ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติสร้างเม็ดเงินเข้าไทยได้มหาศาลในแต่ละปี ดังจนถึงขั้นที่ว่าหลายประเทศขอซื้อสิทธิไปจัดเทศกาล S2O กันที่ประเทศตัวเองกันแล้วหลายประเทศ จนตอนนี้กลายเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญที่สามารถ “ขายได้” จริงๆ และได้เงินเข้าประเทศจริงๆ
ซึ่งในปีนี้ S2O ก็จะยกระดับงานให้ใหญ่ขึ้นไปอีกด้วยการทุ่มทุน 250 ล้านบาท เปลี่ยนสถานที่จัดงานไปที่ “ราชมังคลากีฬาสถาน” สถานที่จัดงานกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปีนี้ตั้งเป้าคนเข้างานถึง 100,000 คน ตลอด 3 วัน (12-14 เมษายน) คาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 350 ล้านบาท และคาดว่าจะดึงเม็ดเงินเข้าประเทศจากการใช้จ่ายได้ถึง 1,400 ล้านบาท
เทศกาลดนตรีธีม “สงกรานต์” หนึ่งเดียวในโลก
สำหรับใครที่เพิ่งรู้จักเทศกาล S2O Festival หรือที่ปีนี้ใช้ชื่อว่า “Pepsi presents S2O Songkran Music Festival” อธิบายง่ายๆว่างานนี้ก็คือเทศกาลดนตรีที่จะจัดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย โดยจะเน้นแนวดนตรี EDM หรือ Electronic Dance Music เป็นหลัก ที่จะดึง DJ ดังๆจากทั่วทุกมุมโลกมาสร้างประสบการณ์เทศกาลดนตรีที่ไม่เหมือนใครในโลกก็ว่าได้ เพราะเป็นการดึงเอาประสบการณ์ของเทศกาล “สงกรานต์” มาเป็นธีมหลักของงาน
คุณวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O Songkran Music Festival และ คุณปุลิน มิลินทจินดา กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการผู้ร่วมก่อตั้ง S2O เราให้เราฟังว่า งาน Music Festival ที่เข้ามาแล้ว “เปียก” เรียกว่าไม่มีใครเคยทำมาก่อนเนื่องด้วยต้องใช้ประสบการณ์ เทคโนโลยี การออกแบบที่เน้นความปลอดภัยระดับสูงเนื่องจากน้ำไม่ถูกกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเท่าไหร่นัก แต่ S2O กลับทำได้ราบรื่นทุกปีไม่มีเหตุไฟดูด ไฟชอร์ตเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียวในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มันใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย
ด้วยสนุกแบบทิ้งตัวของผู้คนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ บวกกับประสบการณ์ดนตรี DJ ดังๆระดับโลกภายในงาน ก็ทำให้งานเป็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างไม่เฉพาะในไทยเท่านั้นแต่ดังไปทั่วโลก เป็นอีกงานที่ดึงคนมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ จากหลักพันคนในปีแรกๆ ยกระดับมาสู่หลักหมื่น และมากถึง 42,000 คนในปี 2024
นอกจากนี้ S2O Festical ยังขายสิทธิให้ไปจัดที่ต่างประเทศด้วยไม่ว่าจะเป็น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง จีน และ สหรัฐอเมริกา ด้วย เรียกว่าเป็นการจับเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอย่าง “สงกรานต์” มาสร้างเป็นเทศกาลดนตรีที่ทันสมัยไม่มีใครเเหมือนจนกลายเป็น Soft Power ที่ส่งออกไปทั่วโลกได้
ก้าวสู่เป้าหมายใหญ่กว่าเสมอ
คุณวู้ดดี้ พูดถึงบทเรียนความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจนี้มา 10 ปีก็คือ การที่เราไม่สามารถยึดติดกับความสำเร็จที่มีได้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเสมอ ดังนั้นเราก็ต้องมาตรวจเช็คตัวเองทุกปีเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เมื่อมีโอกาสในตลาดต่างปรปะเทศเราก็คว้าเอาไว้ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่จัดใหญ่ขึ้นไปในระดับ “ราชมังคลากีฬาสถาน”
“ชื่นชมทีมที่มีการคิดใหม่ทำใหม่ได้สถานที่ใหม่ เหมือนเราผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว กลับมาเกิดใหม่ เรียกว่าเป็น Rejuvenate แบรนด์ก็ว่าได้” คุณวู้ดดี้ ระบุ
สำหรับการย้ายมาใช้ราชมังคลากีฬาสถานนั้นนอกจากการยกระดับประสบการณ์ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น รองรับคนร่วมงานหลักแสนคนแล้วยังเป็นผลมาจากการปลดล็อกกฎหมายการขายแอลกอฮอล์ด้วยจากการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Soft Power ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน
Attention to Details รายละเอียดสำคัญที่สุด
ด้านคุณปุลิน บอกว่าเราคิดว่าจะต้องทำให้ดีขึ้นเสมอ จากในปีแรกๆที่เราเน้นในเรื่อง Sales และ Marketing แต่ตอนนี้เรากลับมาดูเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากขึ้น เพื่อให้ประสบการณ์ในงานดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความสะอาด เวลาในการรอคิว การเดินทาง
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ในปีนี้ S2O ทุ่มงบจัดเต็ม 250 ล้าน พลิกโฉมราชมังฯ บรรจุเวทีขนาดยาว 110 เมตร สูงกว่า 30 เมตร ที่จะเป็นเวที่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนในโลกในธีม Water Power ที่เห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ พร้อมกับเทคโนโลยีฉีดน้ำ 360 องศา พร้อมกับ “มินเนี่ยนสาว” ทีมฉีดน้ำสุดฮอตจากประเทศเกาหลีใต้
ไลน์อัพ DJ ก็เป็นสิ่งที่คุณปุลินให้ความสำเร็จ เป็นการขน DJ ระดับตำนานของโลก อาทิ Marshmello, Alan Walker, DJ Snake, Major Lazer, Timmy Trumpet และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกเช่น กิจกรรมหลากหลายจากผู้สนับสนุนตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้างาน ภายในงานยังมี โซนอาหารระดับพรีเมียม นำเสนอโดย “Pepsi มิตรชวนกิน” เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มอร่อย กับอาหารหลากหลายสไตล์ตลอดทั้งงาน มีพื้นที่พักผ่อน 4 โซนที่ ออกแบบตามแนวคิดภูมิภาคของประเทศไทย
ในงานมีโซน VVIP โดยการสนับสนุนจาก King Power โดยจะมีโต๊ะ VVIP สำหรับ 25 คนพร้อมความ Exclusive แบบจัดเต็ม ทั้งเครื่องดื่ม อาหารและบริการจาก Butler และรปภ ส่วนตัว
ส่วนการเดินทางบริการจาก Grab ที่จะมีจุดรับส่งโดยเฉพาะในพื้นที่ของการปกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมส่วนลดสุดพิเศษ และบริการรถรับ–ส่ง S2O Free Shuttle พร้อมการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้การจราจรลื่นไหลที่สุด อีกทั้งยังมีห้องสุขาจำนวนมากกระจายทั่วงาน
พันธมิตรช่วยผลักดันความสำเร็จ
อีกเคล็ดลับความสำเร็จของ S2O ก็คือ การ “มีพันธมิตรมาช่วยผลักดันความสำเร็จ” โดยเฉพาะ Sponsor หลักอย่าง Pepsi ที่อยู่กับ S2O มาตั้งแต่ช่วงแรก เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่นอกจาก Pepsi แล้วยังมีพันธมิตรชั้นนำมากมายไม่ว่าจะเป็น King Power, Chang Cold Brew Cool Club, Dewar’s Club, Crocs, Grab, Vivo, Wedrink
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานของรัฐมาสนับสนุนด้วยไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างสรรค์กิจกรรมระดับโลกที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ประเทศไทย
แน่นอนว่าคุณวู้ดดี้ และคุณปุลินยืนยันกับเราว่า S2O ในปีนี้จะยังคงสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ใช้การดึงดูดกลุ่มศิลปินชั้นนำ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่และคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ยังใช้การขยายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลก ซึ่งจะมีบทบาท สำคัญในการยกระดับสู่เทศกาลดนตรีน้ำที่มีอิทธิพลที่สุดในเอเชีย โดยชูจุดแข็งของ S2O ในฐานะงานที่มีฐาน แฟนเพลง ขนาดใหญ่ โดยปีนี้คาดหวังการเติบโต 25% และสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านบาท
สำหรับงาน S2O Songkran Music Festival ในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 12-14 เมษยนนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและอัพเดทล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ https://www.s2ofestival.com หรือติดตามความเคลื่อนไหวสุดฮอต ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่ Facebook: https://www.facebook.com/s2ofestival TikTok: https://www.tiktok.com/@s2ofestival Instagram: https://www.instagram.com/s2ofestival/