ท่ามกลางวิกฤติซัพพลายเชนและปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี และผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 บวกกับแบรนด์อื่นเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมีความชอบที่ไม่เหมือนเดิม ส่งผลให้ยอดขายเครื่้องสำอาง Revlon ใหญ่จากสหรัฐ ลดลงอย่างหนักติดต่อมาหลายปี โดยยอดขายสุทธิของ Revlon ในปี 2564 อยู่ที่ 2,078 ล้านดอลลาร์ หรือราว 71,700 ล้านบาท ลดลง 22% และยอดขายในไตรมาสล่าสุดมีนาคมที่ผ่านมามียอดขายสูงขึ้นแค่ 8% เท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา Revlon ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายสหรัฐประจำเขตทางใต้ของนิวยอร์ก เพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายแห่งสหรัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่ต้องมีการกำหนดแผนการใช้หนี้ไว้ด้วย หลังจากมีหนี้สินสูงเกินกว่าควบคุมได้ โดยเรฟลอนได้ยื่นขอการคุ้มครองจากศาล และได้ระบุตัวเลขสินทรัพย์และหนี้สินไว้สูงระหว่าง 1,000 – 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือระหว่าง 34,400 – 344,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ Revlon ยังประสบปัญหาการผลิตสินค้าจากการขนส่งวัตถุดิบจากประเทศจีนมาที่สหรัฐอเมริกาต้องใช้เวลานานประมาณ 12 สัปดาห์ ขณะเดียวกันต้นทุนของวัตถุดิบยังเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่า จากปัญหาวิกฤตเงินเฟ้อสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 40 ปี เมื่อเทียบกับปี 2019 ส่งผลทำให้ Revlon ผลิตสินค้าได้ไม่ทันตามความต้องการของผู้บริโภค
เรฟลอนเป็นแบรนด์เครื่องสำอางในสหรัฐที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและน้ำหอมจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก ก่อตั้งในปี 2475 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก เริ่มธุรกิจจำหน่ายยาทาเล็บจนได้รับความนิยมก่อนขยายธุรกิจสู่ลิปสติกและเครื่องสำอางจนเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกเมื่อปี 2498
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก S&P Global Market Intelligence (วันที่ 31 พฤษภาคม 2565) ระบุว่า ปีนี้มีบริษัทยื่นล้มลายแล้วกว่า 143 แห่ง ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม ด้วยอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ขยับพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเองต้องรับแรงกดดันจนไม่สามารถรับมือได้
ทั้งนี้ Revlon Thailand ได้ประกาศผ่านทางเพจบุค ขอขอบคุณสำหรับความรักและการสนับสนุนที่ดีเสมอมา Revlon Thailand จะยังคงอยู่ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ทุกท่านชื่นชอบ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เราจะอยู่กับเพื่อน ๆ ต่อไป
Source: foxbusiness bloomberg cnbc
