หลังเป็นข่าวมาตั้งแต่ปลายปี วานนี้ (21 ก.พ.) สำนักข่าวต่างประเทศทยอยออกมารายงานข่าวการยื่นไฟลิ่ง (Filing) อย่างลับๆ ของ Pinterest โดยอ้างอิงจาก Wall Street Journal
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2562 Pinterest ได้ยื่นไฟลิ่ง (Filing) อย่างลับๆ เพื่อเตรียมตัว IPO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ราวครึ่งหลังของมิถุนายน 2562 ตามคำบอกเล่าของผู้บริหาร Pinterest พร้อมด้วยตัวแทนจาก Goldman Sachs และ JP Morgan ในฐานะ Underwriter
ระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการคำนวณหามูลค่าบริษัท (Valuation) ซึ่งจะกลายเป็นที่มาของการกำหนดราคาของหุ้นที่จะเสนอซื้อขายในวัน IPO โดยผู้บริหาร Pinterest เชื่อว่าบริษัทน่าจะมีมูลค่ามากกว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
Pinterest ก่อตั้งเมื่อปี 2553 โดย Ben Silbermann, Evan Sharp และ Paul Sciarra โดยเริ่มต้นจากการเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับการค้นหารูปออนไลน์ ในรูปแบบของบอร์ดที่ผู้ใช้สามารถแชร์และติดตามลิงก์, วิดีโอ และรูปภาพตามคอนเทนต์ที่ตนสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น, ท่องเที่ยว, สูตรอาหาร และอื่น ๆ พร้อมกับแชร์ให้ผู้ใช้คนอื่นดูได้ด้วย พร้อมด้วยฟังก์ชั่น Visual Search ที่ช่วยให้การค้นหาสิ่งที่สนใจภายใน Pinterest ทำได้ง่ายขึ้น

และเมื่อไม่นานมานี้ Pinterest ได้เปิดตัว Pinterest Business โดยดึงแบรนด์และบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เข้ามาสร้างบอร์ดโฆษณา ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต จะมีการต่อยอดไปสู่การทำอีคอมเมิร์ซได้ไม่ยาก เนื่องจากยอดผู้ใช้งานแบบแอคทีฟต่อเดือนอยู่ที่ 250 ล้านคน (ข้อมูลจาก Pinterest ณ เดือนกันยายน 2561)
CNBC ระบุว่า ที่ผ่านมา Pinterest สามารถระดมทุนไปได้แล้วประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมกับคาดการณ์ว่า ข้อมูลในไฟลิ่งน่าจะระบุว่า บริษัทมีรายได้ในปี 2561 อยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ Techcrunch ระบุว่า รายได้ปีที่แล้วของ Pinterest อยู่ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมกับรายงานว่า Pinterest อาจระดมทุนในตลาดหุ้นได้มากถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ตัวแทนจาก Pinterest บอกเพียงว่า “ขอไม่ออกความเห็นต่อข่าวลือนี้”
ทั้งนี้ Pinterest ถือเป็นหนึ่งในเทคสตาร์ทอัพที่ถูกจับตาว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาภายในปีนี้ โดยบริษัทที่มีรายชื่อประกอบด้วย Uber, Lyft และ Airbnb โดยหลายสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า Lyft มีความพยายามจะ IPO ให้ได้ก่อนคู่แข่งอย่าง Uber ซึ่งถือเป็นผู้นำตลาดผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ในสหรัฐฯ
แหล่งข้อมูล CNBC, reuters, techcrunch, investorplace