‘Nvidia’ ขึ้นแท่น ‘บริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลก’ ก้าวข้าม Apple และ Microsoft ได้สำเร็จ สอดรับเทรนด์ AI

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Cover-Nvidia_0

 

หลังการประกาศผลประกอบการของไตรมาสแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหุ้นของ ‘Nvidia’ บริษัทผู้พัฒนาชิปยักษ์ใหญ่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โตขึ้นอีก 3.5% เป็น 135.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น (4,977.35 บาท) ก้าวข้าม Apple และ Microsoft ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกเรียบร้อย โดยปัจจุบัน Nvidia มีมูลค่าบริษัทราว 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ หุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้นมากกว่า 170% สอดคล้องกับการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบกำเนิด (Generative AI) ทำให้นับตั้งแต่สิ้นปี 2022 ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 9 เท่าแล้ว

 

เริ่มต้นจากผู้ผลิตชิปกราฟิก สู่ผู้เล่นใหญ่ในสนามชิปประมวลผล AI

 

แม้ Nvidia จะทำให้เราคุ้นชื่อในฐานะ ‘ผู้ผลิตชิปสำหรับการเล่นเกม’ แต่ความสำเร็จของ Nvidia ในช่วงไม่กี่ปีนี้ มาจากการครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI ในศูนย์ข้อมูลมากถึง 80% โดยมียักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง OpenAI, ไมโครซอฟท์, Alphabet, อเมซอน (Amazon) และเมตา (Meta) เป็นลูกค้าหลัก และเร่งแย่งชิงโปรเซสเซอร์ของ Nvidia เพื่อใช้พัฒนาโมเดล AI 

ในไตรมาสล่าสุด ยอดขายจากธุรกิจศูนย์ข้อมูลของเอ็นวิเดียเพิ่มขึ้นถึง 427% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ 22,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 86% ของยอดขายรวม

การพุ่งทะยานของ Nvidia ในครั้งนี้ ส่งผลให้ เจนเซ่น ฮวง ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงขึ้นเป็น 1,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 42,960 ล้านบาท ขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 11 ของโลกตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes

การเติบโตของ Nvidia ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะไม่นานมานี้ Microsoft เองก็พึ่งเปิดตัวไลน์ ‘PC Copilot+’ ไป ซึ่งใช้ทั้งชิป GPU และชิป CPU สำหรับประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะจากทาง Nvidia

 

การเติบโตของ Nvidia เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนยังไม่ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน Dow Jones Industrial Average ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด 30 แห่งในสหรัฐอเมริกา ทาง Nvidia จึงประกาศแยกหุ้นในอัตรา 10 ต่อ 1 ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสให้บริษัทได้เข้าสู่การคำนวณดัชนีดาวโจนส์ต่อไปในอนาคต


  •  
  •  
  •  
  •  
  •