ตลาดรถครอบครัวเริ่มคึกคักมาสักพักใหญ่ๆ ทั้งรถ Passenger Van 16 ที่นั่ง และรถ MPV ที่มีตั้งแต่ 6 ที่นั่งจนถึง 11 ที่นั่ง เริ่มเป็นที่นิยมในเมืองไทย และปีนี้ตลาดรถครอบครัวจะยิ่งมีสีสันเมื่อ MG อาศัย งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2019 เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “NEW MG V80” รถ Passenger Van 11 ที่นั่ง ตอบโจทย์การเดินทางของครอบครัวใหญ่ เพราะรถยนต์ MPV ในท้องตลาดก็ดูเล็กและอึดอัดเกินไป ขณะที่รถตู้ 16 ที่นั่ง ก็ใหญ่เกินจนไม่คล่องตัว
“จากการศึกษาความต้องการในตลาดรถยนต์ Passanger Van ในเมืองไทย เราพบว่ามีกลุ่มลูกค้าที่มองหารถที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเดินทางของครอบครัวใหญ่หรือหมู่คณะขนาดย่อม ที่สามารถรองรับได้ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางท่องเที่ยว แต่ปรากฏว่า ปัจจุบัน รถกลุ่มนี้มีตัวเลือกไม่มาก ส่วนที่มีอยู่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความโอ่โถงของห้องได้สาร เราจึงนำเสนอ NEW MG V80 เป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภคไทย” คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
คุณพงษ์ศักดิ์อธิบายว่า ปัจจุบันตลาดรถ Passenger Van ในประเทศไทยยังไม่ใหญ่มาก ประกอบด้วย กลุ่มรถตู้เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งระดับราคาเฉลี่ยกว่า 1.2 ล้านบาท และกลุ่มรถยนต์ MPV 11 ที่นั่ง ซึ่งห้องโดยสารไม่ได้มีความโอ่โถงกว้างขวางนัก ระดับราคาเฉลี่ย 1.2-1.5 ล้านบาทขึ้นไป ทางกลุ่ม MG เห็นโอกาสจาก “ช่องว่าง” ในตลาดรถครอบครัว จึงถือโอกาสนี้นำเสนอรถ Passenger Van เข้าสู่ตลาดเมืองไทยด้วยราคาเปิดตัวหลังหักส่วนลดแล้วไม่ถึงหลักล้านบาท
เปิดตัวด้วยราคา “ต่ำล้าน” แต่จุดเด่นครบครัน
ความโดดเด่นของรถรุ่น NEW MG V80 อยู่ที่ความกว้างขวางโอ่โถงและสะดวกสบายด้วยการวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าสไตล์รถยุโรป ขณะที่มิติของตัวถังที่ทั้งกว้างและสูง ประกอบกับการใช้ระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้า จึงทำให้พื้นที่ห้องโดยสารแบนราบ (Flat Floor) สามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ภายในห้องโดยสาร พร้อมบันไดไฟฟ้าแบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลง ทั้งยังมีประตูสไลด์ข้าง 2 บาน และประตูท้ายบานคู่ที่เปิดได้กว้าง 180 องศา ทำให้ขนสัมภาระได้สะดวกขึ้น
นอกจากนี้ NEW MG V80 ยังมาพร้อมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตรให้กำลังสูงสุดถึง 136 แรงม้าแรงบิดที่ 330 นิวตัน-เมตร พร้อมช่วงล่างที่ให้เสถียรภาพในการขับขี่ในแบบฉบับของรถยุโรป และมีระบบความปลอดภัยครบครันทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (BFI-Body Frameless Integrated) ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และ 7 ระบบความปลอดภัยใน ESP (Electronic Stability Program) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่สีดำ (Exotic Black) สีขาว (Radiant White) และสีเทา (Anchor Grey)
ในส่วนของราคาเปิดตัว NEW MG V80 รุ่น 2.5L SELEMATIC (เกียร์อัตโนมัติ) ราคาอยู่ที่ 1,038,000 บาท ส่วนรุ่น 2.5L MT (เกียร์ธรรมดา) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 988,000 บาท สำหรับผู้สนใจที่จองรถ NEW MG V80 ในงาน Motor Show ครั้งนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะได้รับส่วนลดหรือวงเงินแต่งรถ 65,000 บาทโดยจะเริ่มทยอยส่งมอบรถถึงมือลูกค้าได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนนี้
“เรามองว่ารถขนาด 11 ที่นั่ง ในราคาหักส่วนลดแล้วเหลือไม่ถึงหนึ่งล้านบาท น่าจะทำให้ลูกค้าที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของเราคือ กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ และกลุ่มบริษัทหรือโรงแรมที่ต้องการรถตู้ขนาดเล็กเพื่อรองรับผู้โดยสารกลุ่มย่อย ยิ่งเมื่อบวกกับความแพร่หลายของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายรถ MG ที่มีมากกว่า 100 สาขาทั่วไประเทศไทย ก็น่าจะทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะใช้รถ Passenger Van ของเราได้อย่างสะดวกใจ”
เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ MG ZS EV
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น SAIC Motor จึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอยู่ตลอดเวลา เช่น การแนะนำเทคโนโลยีการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกในโลก เป็นต้น
ในงาน Motor Show ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ MG ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นดังกล่าวด้วยการเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ MG โดยได้เผยโฉม “รถต้นแบบรุ่น MG ZS EV” ซึ่งเป็นยนตรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกใหม่ “NetGreen” ของ SAIC โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) และสามารถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ได้ไกลสูงสุดถึง 428 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง หรือ 335 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ของยุโรป
นอกจากนี้ MG ZS EV ยังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบฉบับรถยนต์ SUV และการติดตั้งระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะในรถยนต์ ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเทรนด์รถยนต์ในอนาคต โดยคุณพงษ์ศักดิ์เล่าว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้น่าจะเปิดตัวและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน ราวสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดตัวในอังกฤษ เยอรมัน และอีกหลายประเทศทั่วโลก ส่วนประเทศไทยจะเริ่มเปิดตัวพร้อมจำหน่ายราวกลางปีนี้
“การที่เรานำ MG ZS EV เข้ามาในตลาดเมืองไทย ก็เพื่อทำให้ผู้บริโภคคนไทยได้รู้จักและได้เห็นถึงการใช้งานจริงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) หรือรถยนต์ EV ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ในบ้านเรายังมีรถ EV ไม่มาก ในฐานะที่เรามุ่งหวังจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจึงต้องพัฒนาเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นทิศทางหลักที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังมุ่งไป”
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้รถ EV จึงมีราคาค่อนข้างสูงตามไปด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทาง MG จะตั้งราคาขายรถ EV รุ่นแรกของ MG ไว้ที่เท่าไหร่ ขณะที่การทำให้ผู้บริโภคคนไทยยอมรับในเทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากข้อจำกัดด้านราคา และความกังวลในเรื่องความเร็วในการชาร์จ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง และความเพียงพอของสถานีชาร์จ
ก้าวสู่ปีที่ 5 ของ MG ในไทย กับเป้า 5 หมื่นคันปีนี้
รถยนต์ MG แบรนด์สัญชาติอังกฤษที่มีอายุกว่า 90 ปี เข้าสู่ตลาดไทยในปี 2013 โดยมีบริษัท เอสเอไอซีมอเตอร์-ซีพี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (SAIC Motor) กลุ่มบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนเป็นผู้ผลิตรถยนต์ MG เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปภูมิภาคอาเซียน ขณะที่บริษัทเอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลด้านการขายการตลาด และบริการหลังการขาย รวมถึงกำกับดูแลเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย MG ทั้งหมด
นับจาก MG เปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก มาถึงปีนี้ถือเป็นปีที่ 5 ที่ MG ได้เข้ามาทำการตลาดและจำหน่ายในเมืองไทย ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา รถยนต์ MG ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากคนไทย ทำให้ MG มียอดขายรวมในเมืองไทยมากกว่า 50,000 คัน ในเวลาไม่ถึง 5 ปี
คุณพงษ์ศักดิ์คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคัน ส่วน MG ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ถึง 50,000 คัน โดยปัจจุบัน มีรถรุ่น MG3 และ MG ZS เป็นโมเดลหลักของ MG สำหรับยอดขาย 2 เดือนแรกขายไปแล้วกว่า 4,000 คัน ส่วนในงาน Motor Show ครั้งนี้ ผู้บริหาร MG ตั้งเป้ายอดจองรถทุกรุ่นรวมกันประมาณ 2,000 คัน โดยในครึ่งหลังของปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวอีกประมาณ 2-3 รุ่น
“นอกจากยอดขาย เรายังหวังว่าคนที่มางาน Motor Show ครั้งนี้จะได้มารับรู้เรื่องการพัฒนาทางเทคโนโลยีของ MG เพราะนอกจากเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์นั่งแล้ว เรายังมีเทคโนโลยีสำหรับรถขนาดใหญ่ อย่างรุ่น NEW MG V80 ที่เป็นรถ Passenger Van รวมถึงเทคโนโลยีรถยนต์อนาคตอย่างรุ่น MG ZS EV และเราขอให้คำสัญญาว่า จะเดินหน้าสร้างสรรค์และพัฒนายนตรกรรมที่มีคุณภาพพร้อมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย นำเสนอพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และบริการหลังการขายที่เหนือมาตรฐาน ตลอดจนมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้ ยังจะเป็นการสร้างความเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยต่อไป” ผู้บริหาร MG ทิ้งท้่าย
ผู้ที่สนใจสามารถชมและจองรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ MG รวมถึงชมรถต้นแบบ MG ZS EV ได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 นี้ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี หรือที่โชว์รูม MG ทั่วประเทศ
