Microsoft เล็งลงทุนในบริษัท OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT เพิ่มอีกกว่า 3 แสนล้านบาท

เป็นอีกสิ่งยืนยันว่าเทคโนโลยี AI กำลังจะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะหลังจาก ChatGPT เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อ Microsoft เตรียมเพิ่มเงินลงทุนในบริษัท OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT มูลค่าถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 330,000 ล้านบาท

Bloomberg รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และมีการเจรจากันมาหลายเดือนแล้วโดย Microsoft จะแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลายก้อนในช่วงเวลาหลายปี

รายงานของ Bloomberg มีขึ้นหลังจากมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนเพิ่มของ Microsoft และนั่นรวมไปถึงบริษัทร่วมทุนอีกหลายแห่ง ซึ่งจะทำให้มูลค่าของ OpenAI เพิ่มขึ้นเป็น 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านบทความ ทดสอบ ChatGPT เขียนบทความภาษาไทยทำได้ดีแค่ไหน และนักการตลาดใช้ประโยชน์อะไรได้อีกบ้าง

กระแสข่าวการเพิ่มเงินลงทุนของ Microsoft มีขึ้นหลังจาก ChatGPT เรียกเสียงฮือฮาในโลกอินเตอร์เน็ตทันทีเมื่อเปิดให้คนทั่วโลกได้ทดลองใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนมีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านคนได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์เท่านั้น

ความสามารถของ ChatGPT ที่สามารถสื่อสารได้แบบมนุษย์ทำให้เกิดการคาดการณ์กันว่า AI อย่าง ChatGPT อาจมาแย่งงานนักเขียนหรือแม้แต่เป็นภัยคุกคามกับธุรกิจ Search Engine ของ Google ได้เลยทีเดียว โดยนอกจาก ChatGPT แล้วยังมี Dall-E เอไอวาดรูปจากการพิมพ์คำสั่งที่เป็นผลงานของ OpenAI ด้วยและสร้างเสียงฮือฮาในวงการศิลปะและครีเอทีฟไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ Microsoft เคยลงทุนกับบริษัท OpenAI มาแล้วมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังเดินหน้าเพื่อนำ ChatGPT เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Bing ที่เป็น search engine ของ Microsoft เองเพื่อต่อกรกับ search engine ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ด้วย เนื่องจาก ChatGPT สามารถสื่อสารได้เหมือนกับมนุษย์ สามารถตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติบนพื้นฐานข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ต ต่างจากผลการค้นหาที่เป็นลิงก์เว็บไซต์แบบเดิมๆ

นั่นนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่เริ่มมองเห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำ AI มาใช้กับธุรกิจของตัวเอง อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอดูต่อไปว่าจะมีใครสนใจลงทุนใน AI อีกหรือไม่ และ ChatGPT จะพัฒนาก้าวหน้าไปมากกว่านี้อย่างไรเนื่องจากปัจจุบันยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับการให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องและบางครั้งยังมีคำตอบที่มีอคติอยู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรในปีนี้เราน่าจะได้เห็นความก้าวหน้าของ AI ที่หลายๆบริษัทจะแข่งขันกันพัฒนาออกมามากยิ่งขึ้นแน่นอน

ที่มา Bloomberg