เอจีบี นีลเส็น ประเทศไทย เปิดเผยถึง ‘มูลค่าเม็ดเงินโฆษณา’ ช่วงมกราคม – ตุลาคมปี 2563 มีมูลค่าอยู่ที่ 86,046 ล้านบาท -15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือนตุลาคมลดลง –15% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 9,437 ล้านบาท
หากเจาะลึกลงเฉพาะเดือนตุลาคม 2563 ที่น่าจับตาก็คือ ทุกสื่ออยู่ในภาวะติดลบทั้งหมด ไม่เว้นกระทั่งสื่อออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาเป็นเพียงสื่อเดียวที่ยังมีการเติบโต โดยสื่อทีวีมีการใช้เม็ดเงินโฆษณา 5,702 ล้านบาท -9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา , สื่อออนไลน์ 1,685 ล้านบาท -4% , สื่อนอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ 886 ล้านบาท -23% , ล้านบาท , สื่อโรงภาพยนตร์ 445 ล้านบาท -52% , สื่อสิ่งพิมพ์ 334 ล้านบาท -25% , สื่อวิทยุ 319 ล้านบาท -26% และ สื่อ In-store 66 ล้านบาท -29%
เมื่อดูภาพรวมของในช่วงช่วงมกราคม – ตุลาคมปี 2563 พบว่า อุตสาหกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง (Personal Care & Cosmetic) มูลค่า 12,141 ล้านบาท เริ่มฟื้นตัวโดยใช้เม็ดเงินโฆษณาคงที่เท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมหลักยังคงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food&Beverage) มูลค่า 13,377 ล้านบาท ลดลง -11%
กลุ่ม Media & Marketing มูลค่า 10,173 ล้านบาท ลดลง -8%
กลุ่มยานยนต์ (Automotive) มูลค่า 5,028 ล้านบาท ลดลง -36%
ขณะที่บริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดใน 10 เดือนปีนี้ 3 ลำดับแรก ได้แก่
1.บริษัท UNILEVER (THAI) HOLDINGS CO.,LTD. มูลค่า 3,779 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว +43%โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาคือ ใหม่ วาสลีน ซุปเปอร์ วิตามิน
2.บริษัท NESTLE(THAI) CO.,LTD. มูลค่า 2,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว +40% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาคือ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู
3.บริษัท PROCTER & GAMBLE (THAILAND) มูลค่า 1,850 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว -13% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คือ ใหม่ แพนทีนสูตรโปรวิตามิน ลดการขาดลดร่วง