ทางที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดังกล่าว ไฟเขียวผ่อนปรน 6 กิจการ ให้กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ขณะที่การห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกฮอลล์นั้น ยังคงคำสั่งไว้แบบไม่มีกำหนด
หลังจากตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง และมีการประกาศต่อเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ทาง ศบค. ได้ประกาศมาตรการผ่อนปรน ที่ทาง ศบค.จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานกลางของกิจการและกิจกรรม แล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัด กำหนดรายละเอียดต่อไป ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความเข้มข้นกว่าได้ แต่ห้ามเข้มข้นน้อยกว่า โดยคำนึงถึงแนวทางสาธารณสุขเป็นหลัก รองลงมา คือ ด้านสังคม และเศรษฐกิจ
สำหรับมาตรการผ่อนระยะแรกจะเปิดให้ 6 กิจการกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ได้แก่
1.ตลาด อาทิ ตลาดสด , ตลาดนัด , ตลาดน้ำ , ตลาดคนเดิน ฯลฯ
2.ร้านจำหน่ายอาหาร ขนาดไม่เกิน 2 คูหา ได้แก่ ร้านอาหารนอกห้าง , ร้านอาหารริมทาง และร้านอาหารหาบเร่ ซึ่งในแต่ละร้านต้องมีการจัดระยะห่าง 1.5 ม. ห้ามรวมกลุ่มและห้ามมีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
3.กิจการค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต , ร้านสะดวกซื้อ , ร้านเร่หรือรถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ,ร้านค้าปลีกขนาดย่อย , ร้านค้าปลีกชุมชน และร้านโทรคมนาคม
4.กีฬา และสันทนาการ สนามกีฬากลางแจ้ง ที่ไม่เล่นเป็นทีม และไม่มีการแข่งขัน เช่น รำไทเก๊ก ,จักรยาน , เทนนิส , กอล์ฟ และสนามซ้อม
5.ร้านเสริมสวย และร้านตัดผม เฉพาะบริการตัด,สระ,ไดร์
6.อื่นๆเช่น ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับฝากเลี้ยงสัตว์
หลังจากนี้ ทาง ศบค.จะทำคู่มือสำหรับมาตรการผ่อนปรนออกมา และจะมีการประเมินการผ่อนปรนทุก 14 วัน หากตัวเลขผู้ป่วยไม่เพิ่มขึ้น จะผ่อนปรนต่อไปสู่ระยะที่ 2 กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ , ระยะที่ 3 กิจการที่มีความเสี่ยงกลาง และระยะที่ 4 กิจการที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากตัวป่วยพุ่งสูงขึ้น จะกลับมาทบทวนใหม่ และอาจต้องกลับไปควบคุมเข้มข้นอย่างเดิม
ขณะที่คำสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกฮอลล์นั้น ยังคงคำสั่งเดิมไว้แบบไม่มีระยะเวลากำหนด เพราะมองเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันของคน