สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครนยังยืดเยื้อต่อเนื่อง ขณะที่กระแสในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะจาก Twitter ผู้ใช้จำนวนมากต่างก็ทยอยกดดันให้แบรนด์ต่างๆ ออกมา take action สำหรับวิกฤต 2 ประเทศนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายแบรนด์ชั้นนำที่ออกมาแสดงจุดยืน ‘แบนรัสเซีย’ แล้ว อย่างเช่น Hermès แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส, Chanel, Louis Vuitton, Gucci, Givenchy, Balenciaga และ Saint Laurent
นอกจากแบรนด์หรูที่ยกตัวอย่างมาก็จะมี BMW จากเยอรมนี, Mercedes-Benz, Volkswagen, Audi, Porsche และ Bentley, Jaguar, Aston Martin, Renault และ Volvo ที่พร้อมใจกันระงับการผลิตรถยนต์จากโรงงานในรัสเซียรวมทั้งการส่งออก
ในกลุ่มแบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้าแม้ว่า Uniqlo ยังยืนยันไม่ขอร่วมแบนรัสเซียเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆ แบรนด์ที่ take action กับเรื่องนี้แล้ว เช่น H&M จากสวีเดน, Nike, Adidas, Levi’s ซึ่งยังมีหลายๆ บริษัทในวงการสื่อที่ออกมาประณามการกระทำของรัสเซีย รวมทั้ง Apple, Visa, MasterCard, Netflix, Alphabet เป็นต้น
ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจอาหารมีหลายแบรนด์ชื่อดังที่ร่วมแบนรัสเซีย เช่น Pepsi, Coca-Cola, Starbuck และล่าสุด McDonald’s ที่ยอมประกาศปิดสาขาทั้งหมดในรัสเซียชั่วคราว จากที่ก่อนหน้านี้เจอแรงกดดันจากชาวโซเชียลมากมายด้วยการติดแฮชแท็ก #BoycottMcDonalds จนติดเป็นเทรนด์ Twitter ในหลายประเทศ
โดย Chris Kempczinski, CEO ของ McDonald’s ได้ประกาศว่า “คุณค่าในความหมายของเราทำให้ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดทรมานของเพื่อนมนุษย์ในยูเครนได้”
“แต่ทางบริษัทจะยังคงจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานกว่า 62,000 คนที่อยู่ในรัสเซีย หลังจากที่สั่งปิดร้านค้าทั้งหมด 847 สาขา” ทั้งนี้ กว่า 80% ของสาขาในรัสเซีย McDonald’s เป็นเจ้าของ ขณะที่ยอดขายในรัสเซียคิดเป็น 9% ของรายได้ทั้งหมดของ McDonald’s
การปิดสาขาในรัสเซียของ McDonald’s แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวแต่ถือว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ รวมไปถึงการสั่นคลอนบางอย่างในเชิงสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วย เพราะ McDonald’s ถือว่าเป็นแบรนด์รายแรกๆ ที่เข้ามีบทบาทเมื่อครั้งที่รัสเซียเปิดประเทศ เปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้นหลังจบสิ้นช่วงสงครามเย็น (Cold War) โดย McDonald’s ได้เปิดบริการสาขาแรกในกรุงมอสโกเพียง 3 เดือนของการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
การประกาศระงับการให้บริการชั่วคราวของ McDonald’s มองว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สามารถวัดอิทธิพลที่มีต่อแบรนด์ระดับโลกอื่นๆ ได้ดีซึ่งหลังจากนี้ก็น่าจะมีอีกหลายแบรนด์ที่ประกาศจุดเดียวร่วมเพื่อกดดันรัสเซีย
ที่มา: fast company, cnn
