จากความพยายามของหลายประเทศทั่วโลก ในการยับยั้งเชื้อไวรัสอีโบลาที่แพร่กระจ่ายไปอย่างรวดเร็ว มีอัตราการเสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 ราย และยังมีการแพร่เชื้อไปยังประเทศสหรัฐฯ และฝั่งยุโรปในขณะนี้ ซึ่งหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสุขภาพแนวหน้าของประเทศต่างๆ และผู้ปฏิบัติงานเพื่อต่อสู้กับการระบาดของเชื้ออีโบลา กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนเงินทุนสำหรับการวิจัยและการรักษา
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook จึงได้ประกาศใน Facebook ของเขาว่า ตนและภรรยา ได้ร่วมบริจาคเงินจำนวน 25 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 800 ล้านบาท สมทบให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ CDC. โดยกล่าวว่า “เราต้องการที่จะยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งอีโบลาได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด และเป็นวิกฤตปัญหาสุขภาพระดับโลกในระยะยาว ที่อาจต้องจบลงด้วยการต่อสู้กับมันเป็นเวลานานหลายทศวรรษ เหมือนกับโรคเอดส์ หรือ โปลิโอ”
นอกจากนี้ ซักเคอร์เบิร์ก ยังได้ตอบคำถามของผู้ใช้ Facebook ที่ถามเกี่ยวกับเหตุผลของการบริจากเงินจำนวนมาก ในขณะที่สหรัฐฯ มี GDP ของประเทศอยู่ที่ 17 ล้านล้าน ซึ่งเจ้าพ่อ Facebook ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ผมคิดว่าเราต้องมีความรับผิดชอบในการช่วยเหลือสิ่งใดๆ ก็ตามที่เราเห็นถึงความจำเป็น
และหนึ่งในปัญหาของคนส่วนใหญ่ รวมทั้งผู้นำรัฐบาล ที่ไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าวมากนัก ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าอีโบลา ยังเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆ หรือในประเทศอื่นๆ แต่ถ้าเชื้อไวรัสอีโบลาไม่ได้รับการควบคุมในเร็วๆ นี้ มันจะแพร่กระจายและกลายเป็นโรคระบาดอย่างรวดเร็ว และจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องใช้เวลาจัดการหลายทศวรรต
การบริจาคเงิน 25 ล้านดอลล่าร์ เพื่อช่วยสมทบกองทุนในครั้งนี้ นับเป็นค่าใช้จ่ายน้อยมากเมื่อเทียบกับการช่วยชีวิตคนทั้งหมด และยังมีค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายอีกมาก เพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายในอนาคต”
อนึ่ง องค์การอนามัยโลก เผยผู้เสียชีวิตจากอีโบลาพุ่งขึ้นเป็น 1 หมื่นคนต่อสัปดาห์ หากยังหยุดการระบาดไม่ได้
