ปรับตัวตามเทรนด์ O2O อย่างแท้จริง สำหรับ แม็คโคร ที่ประกาศพัฒนา B2B Marketplace ในชื่อ maknet กับคอนเซปต์การดำเนินงานแบบ End to End Solution เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มลูกค้าร้านอาหารแบบครบวงจรทั้งสิ้นและบริการ
สำหรับ maknet ถือเป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาแก้ไขปัญหาพื้นที่สโตร์จำกัด โดยจะมีทั้งสินค้าอาหารสด อาหารแห้ง จำหน่ายในแพลตฟอร์ม รวมถึงสินค้าอุปกรณ์ต่าง ๆ จากซัพพลายเออร์อื่นเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใน ไตรมาส 2 ของปีนี้ และใช้งบลงทุนต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ 2564 – 2567 ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม
หวังช่วยดันรายได้ออนไลน์เพิ่ม 30% ใน 3 ปี
โดยแม็คโคร ตั้งเป้าว่า maknet จะเป็น New S-Curve ของบริษัท และมีส่วนช่วยผลักดันรายได้ในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 30% ของรายได้รวม ภายใน 3 ปี จากปี 2564 ที่มีสัดส่วน 12% ภายใต้รายได้รวม 220,000 ล้านบาท
ออนไลน์ช่วยเข้าถึงลูกค้า แถมประหยัดพื้นที่ – งบลงทุน
นอกจากนี้ แม็คโคร ยังมีแผนผลักดันช่องทางขายออนไลน์มากขึ้น โดยปรับการขยายพื้นที่สาขาใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ใหญ่แต่เน้นเป็นพื้นที่ขนาดเล็กเพื่อเน้นเป็น Food Service พื้นที่ 1,000 – 2,000 ตร.ม. จากเดิมที่ต้องใช้พื้นที่ถึง 5,000 ตร.ม. ในการขยายสาขาเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ยังใช้งบลงทุนน้อยกว่า โดยในปี 2565 แม็คโครยังตั้งงบลงทุน 11,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ในประเทศไทย 30 สาขา อินเดีย 3 สาขา และกัมพูชา 2 สาขา รวมถึง การพัฒนาแพลตฟอร์ม maknet และระบบไอที
ปักหมุด B2B online Marketplace อันดับ 1
อย่างไรก็ตาม แม็คโคร ยังคาดหวังให้ประสบการณ์กว่า 30 ปี ในธุรกิจ B2B Marketplace มาต่อยอดแพลตฟอร์ม maknet โดยขณะนี้มีจุดเด่นสินค้าครอบคลุมกว่า 100,000 รายการ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้านึกถึงในทุกช่วงเวลาของการทำธุรกิจ ทั้งกลุ่มที่ต้องการเปิดร้านใหม่ หรือเปิดร้านอยู่แล้วแต่ต้องการหาวัตถุดิบใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุง ขยายร้าน เพื่อทำให้ maknet กลายเป็น B2B online Marketplace อันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าบนแพลตฟอร์มประมาณ 1,000 ราย และตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ราย ภายใน 3 ปี และมีลูกค้าผู้ประกอบการ 500,000 ราย ซึ่งจะเพิ่มโอกาสเติบโตต่อยอดจาก MakroClick ห้างออนไลน์ของแม็คโครที่ให้บริการผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน