ยุคที่ COVID-19 เล่นงานภาคธุรกิจจนน่วม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบิน ตั้งแต่ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง จนไปถึงสายการบินต่างๆ ดังนั้น กลเม็ดเด็ดๆ อะไรที่สายการบินพอจะทำได้ ก็คงต้องงัดเอาออกมาใช้ ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเรื่องความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างจุดเด่นให้ผู้โดยสารยังจดจำแบรนด์เราได้ ในช่วงที่บริการการบินยังคงไม่เหมือนเดิม
อย่างที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ามีหลายๆ สายการบินที่พยายาม reminding brand ด้วยการเปิดตัวบริการใหม่ๆ แบบ ‘ชั่วคราว’ เรียกว่าเป็นสีสันกระตุ้นการจดจำน่าจะถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ‘สิงคโปร์ แอร์ไลน์’ ที่เปิดขายตั๋วรับประทานอาหารชั้น first class เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ลองลิ้มรสชาติอาหารบนเครื่องอีกครั้ง
หรือจะเป็น ‘Finnair’ สายการบินรายใหญ่สุดของฟินแลนด์ ที่แตกโมเดลธุรกิจใหม่ขายอาหารกล่องในซูเปอร์มาร์เก็ต ‘Taste of Finnair’ ยกอาหารจากบนฟ้ามาสู่พื้นดินให้ทุกคนได้ลองทานกัน เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันมานี้มีอีกหนึ่งกลยุทธ์น่าสนใจของ ‘สายการบินลุฟท์ฮันซ่า’ (Lufthansa) จากเยอรมนี ที่ได้ทดลองใช้แนวคิด ‘Sleeper’s Row’ บนเที่ยวบินแฟรงค์เฟิร์ต(เยอรมนี) – เซาเปาโล(บราซิล) ไปจนถึงกลางเดือน ธ.ค.นี้
ความน่าสนใจของ Sleeper’s Row ก็คือ เป็นการแบ่งส่วนพื้นที่บนเครื่องบินโดยสาร สำหรับ ‘ตั๋วบิน-นอน’ คือ ผู้โดยสารสามารถนอนราบบนเก้าอี้ 2-3 ที่นั่งได้เพียงคนเดียว โดยตั๋วบิน-นอนนี้จะขายสำหรับผู้โดยสารชั้น economy class ที่ต้องการความสบาย, สามารถนอนบนเครื่องบินได้ และยังสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ด้วย
ทั้งนี้ สำหรับตั๋วบินในแถว Sleeper ผู้โดยสารจะได้รับ ‘ผ้าห่ม – หมอน – ท็อปเปอร์ (นุ่มกว่าที่นั่งปกติ)’ อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษในการขึ้นเครื่องก่อนด้วย
ข้อมูลของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ระบุว่า ผู้โดยสารที่ต้องการอัพเกรดสิทธิพิเศษเป็น ‘ตั๋วบิน-นอน’ สามารถเพิ่มตอนที่ check-in หรือตอนที่จะเข้า gate ก็ได้ ในราคา 260 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 7,882 บาท) จ่ายเพิ่มจากราคาตั๋วปกติ
ที่จริงแนวคิดนี้ ตั๋วบิน-นอน เคยมีบางสายการบินทำมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น Air New Zealand ในปี 2011 ซึ่งเป็นการทดลองตลอดเช่นกัน แต่ในเวลานั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก แต่พอมาถึงยุคนี้ที่ทุกคนต้องพยายาม keep social distancing จนกว่าไวรัสตัวนี้จะหายไปจากโลก ไม่แน่นะ แนวคิดนี้อาจจะกลับมาแล้วได้รับความนิยมมากขึ้นก็ได้
ที่มา: CNN