พัฒนาแต่ผลิตภัณฑ์ความงามยังไม่พอ! "ลอรีอัล" ต่อยอดสู่ "Beauty Tech" ใช้ดิจิทัลเข้าถึงใจผู้บริโภค

เพราะเทรนด์ความสวยความงามไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศหรือวัยเท่านั้น แต่เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกแถมเติบโตอย่างน่าสนใจอีกด้วย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งข้อมูลในปีที่ผ่านมา (อ้างอิงจาก Euromonitor 2018 และรายงานประจำปี 2018 ของลอรีอัล) ระบุถึงอุตสาหกรรมความงาม ว่า…

ตลาดความงามปี 2018 เติบโตขึ้น 5.5% คิดเป็นมูลค่าราว 2 แสนล้านยูโร (ประมาณ 7.2 ล้านล้านบาท)

ขณะที่ ประเทศไทยเติบโต 7.3% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.92 แสนล้านบาท และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องที่ 7% ติดต่อกันนานกว่า 5 ปีมาแล้ว

คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยภาพรวมของแบรนด์ลอรีอัลว่า ลอรีอัลกรุ๊ปเติบโตขึ้น 7.1% คิดเป็นมูลค่ารวม 26,900 ล้านยูโร หรือราว 9.6 แสนล้านบาท ซึ่ง 11% เป็นมูลค่าจากการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เรียกว่าเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 40.6% ซึ่งหนึ่งในความน่าสนใจอยู่ที่ยอดขายที่แบ่งตามภูมิภาค โดยเอเชียแปซิฟิกมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของลอรีอัลกรุ๊ป (27.5%) ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นตลาดความงามที่ใหญ่สุดในอาเซียนอีกด้วย

อะไรทำให้อุตสาหกรรมความงามทั่วโลกเติบโต ?

สาเหตุที่อุตสาหกรรมความงามยังคงเติบโต เป็นทิศทางเดียวกันทั่วโลก มาจาก 4 ปัจจัย คือ ความต้องการเกี่ยวกับเรื่องความงามเป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง, ผู้บริโภคต้องการสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้นและเป็นความต้องการแบบต่อเนื่อง, Digitalization เข้ามาช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาและแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับความงามได้ทุกพื้นที่แม้แต่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้การขายเติบโตตามไปด้วย รวมถึง การที่มีกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ เข้าถึงผลิตภัณฑ์ความงามเพิ่มขึ้น

ส่วนการเติบโตของตลาดความงามไทยก็ไม่น้อยหน้า! เพราะยังคงมีตัวเลขการเติบโตอยู่ทุกปี จากภาพรวมที่มีมูลค่าถึง 1.92 แสนล้านบาทนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 45% ผลิตภัณฑ์ผม 16% เครื่องสำอาง 13% ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย 9% และน้ำหอม 4%

หากย่อยให้ละเอียดขึ้นอีก ก็จะเป็น…

– ตลาดสกินแคร์ โตขึ้น 7.9% คิดเป็นมูลค่า 8.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นผิวหน้า 82% ผิวกาย 12% และกันแดด 6%

– ตลาดเมคอัพ โตขึ้น 8.5% คิดเป็นมูลค่า 2.48 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นผิวหน้า 56% ริมฝีปาก 26% ดวงตา 17% และเล็บ 1%

– ตลาดเส้นผม โตขึ้น 2.7% คิดเป็นมูลค่า 3.11 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นดูแลเส้นผม 82% เปลี่ยนสีผม 12.5% จัดแต่งทรงผม 4.3% และยืด/ดัดผม 1.2%

– ตลาดน้ำหอม โตขึ้น 6.8% คิดเป็นมูลค่า 9 พันล้านบาท

“เทรนด์การเติบโตของตลาดความงามประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับที่เสถียร จากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น การขยายตัวของประชากรในเขตเมือง ซึ่งปี 2018 เพิ่มขึ้นราว 10 ล้านคน ซึ่งเป็นเพศหญิงกว่า 48% ทั้งยังมีการเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งสะท้อนถึงกำลังซื้อที่มากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ความงามกลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการซื้อมากขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันการขยายตัวของกลุ่ม Ageing Society ก็ทำให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองตามมา”

ปักธงสู่นัมเบอร์วัน! Beauty Tech ของไทย “ขยับความงาม สู่เทคโนโลยี”

เป้าหมายที่น่าสนใจและถือเป็นทิศทางหลักของลอรีอัล (ประเทศไทย) ในปีนี้ คือ การมุ่งสู่ผู้นำ Beauty Tech และการรักษาอันดับผู้นำด้านความงามอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ที่แบรนด์เลือกใช้เพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสานกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ลอรีอัล ไม่ว่าจะเป็น AR AI และบริการแบบ Voice Ordering ให้สั่งซื้อสินค้าด้วยเสียง

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะเมื่อปีที่ผ่านมาลอรีอัลเพิ่งซื้อกิจการ ModiFace บริษัทด้าน AR เข้ามาเสริมศักยภาพด้วย ทำให้ปีนี้ลอรีอัลประกาศความพร้อมในการเดินหน้าสร้างมิติใหม่เพื่อให้บริการลูกค้าผ่านรูปแบบต่าง ๆ โดยปีนี้ในประเทศไทยจะเริ่มต้นการเป็น Beauty Tech ใน 2 รูปแบบ คือ การนำเทคโนโลยี AI ที่เรียกว่า EFFACLAR SPOTSCAN มาใช้กับแบรนด์ลา โรช-โพเซย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยปัญหาสิวและให้คำแนะนำการดูแลผิวแบบรายบุคคล ซึ่งลอรีอัล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าในไทยมีผู้บริโภคเพียง 10% ที่เข้าถึงการดูแลรักษาสิว โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะให้บริการในรูปแบบ Microsite ให้ใช้งานบนโมบายดีไวซ์ซึ่งคาดว่าพร้อมให้บริการในเดือน เม.ย.นี้

และอีกเทคโนโลยีเป็นความร่วมมือแบบเอ็กซ์คูลซีฟกับ Watsons เพื่อให้บริการฟีเจอร์ ColorMe ทำให้สามารถทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงเป็นครั้งแรกในไทย! จากสินค้ากว่า 300 รายการของลอรีอัล ปารีส และเมย์เบลลีน นิวยอร์กตั้งแต่รองพื้นจนถึงลิปสติก ด้วยเทคโนโลยี ModiFace ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานผ่านแอป Watsons TH ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากลอรีอัลเชื่อว่าการที่ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ เป็นหนึ่งในปัจจัยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น ส่วนสาเหตุที่เริ่มต้นด้วยการทำเอ็กซ์คูลซีฟกับ Watsons นั้น ทางลอรีอัล (ประเทศไทย) ให้เหตุผลว่าทั้ง 2 บริษัทเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกัน และมั่นใจว่า Watsons ยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมาก ประกอบกับในอนาคตอาจมีการขยายไปทำร่วมกับพาร์ทเนอร์รายอื่นด้วย

สำหรับเทคโนโลยี ModiFace นั้น ลอรีอัลกรุ๊ปเริ่มนำเข้ามาใช้งานแล้วทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเมคอัพ สีผม และสกินแคร์ ผ่านรูปแบบการใช้งานทั้งออฟไลน์และออนไลน์

“แม้เป้าหมายของเราคือการเป็น Beauty Tech แต่การสร้างความสมดุลให้ช่องทางจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อว่าการมอบประสบการณ์ความงามที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นนี้ จะยิ่งส่งเสริมให้ O+O เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งความท้าทายของตลาดความงามในไทยนั้น อยู่ที่การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเติบโตเร็ว ทำให้ระดับความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์กลายเป็นความท้าทาย ทั้งยังมีเรื่องการปรับตัวและการตัดสินใจของแบรนด์ที่ต้องเลือกดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องด้วย”

คาดการณ์ “6 อนาคต” เทรนด์ความงามของคนไทย

นอกจากนี้ ลอรีอัล (ประเทศไทย) ยังวิเคราะห์ถึงเทรนด์ความงามของผู้บริโภคชาวไทยในอนาคต จะแบ่งเป็น 6 เทรนด์สำคัญ คือ DE AVERAGING ต้องการความโดดเด่นแตกต่างจากผู้อื่น, DIGITAL ME อยากได้ต้องได้ อยากได้ต้องซื้อทันที, ALL ABOUT EXPERIENCE ประสบการณ์ที่ต้องการสัมผัส และได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มความคิดความต้องการ, HEALTH IMPERATIVE สายสุขภาพ ต้องกาารผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยทั้งต่อร่างกายและจิตใจ, AUGMENTED PERFORMANCE เน้นประสิทธิภาพ สินค้าต้องมีการรับรองจากงานวิจัย วิทยาศาสตร์ และธรรมชาติ เพื่อยืนยันประสิทธิภาพจากการใช้งาน, NEED FOR TRANSPARENCY ต้องการความโปร่งใส เกิดความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นในแบรนด์

เพิ่มความสำคัญ “ตลาดความงามเพศชาย”

เป็นอีกเป้าหมายที่ลอรีอัล (ประเทศไทย) ประกาศว่า ปีนี้จะให้ความสำคัญกับตลาดดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ เนื่องจากเห็นความต้องการในตลาดเพศชายเพิ่มขึ้น โดยจุดแข็งของแบรนด์คือการมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตั้งแต่ราคาระดับแมสไปจนถึงลักซ์ชัวรี่ ซึ่งลอรีอัลเชื่อว่าตลาดดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตได้ทั่วโลกแม้จะยังถือเป็นตลาดใหม่ในตอนนี้

ปรับสู่ดิจิทัลตั้งแต่หลังบ้าน! เสริมหลักสูตรเทคโนโลยีให้พนักงาน

ไม่ใช่แค่เป้าหมายสู่การเป็นผู้นำในตลาด Beauty Tech เพราะลอรีอัล (ประเทศไทย) ได้ปรับตั้งแต่กระบวนการหลังบ้าน มีการจัดอบรมและฝึกฝนพนักงานเกี่ยวกับงานดิจิทัลมากขึ้น โดยใช้เวลาฝึกอบรมรวม 5,000 ชั่วโมงในปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มทักษะและเตรียมความพร้อมแก่บุคลากร รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ดอยโอกาสและผู้สูงอายุเข้าทำงานในองค์กร และเข้าเรียนเสริมสวยเพื่อสร้างอาชีพ