ใครจะคิดว่า เราจะสามารถซื้อคอนโดระดับล้านบาทขึ้นไปได้จาก ‘ลาซาด้า’ แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อลาซาด้าจับมือ ‘แสนสิริ’ เปิดตัว ‘แสนสิริ ออฟฟิเชียล สโตร์’ บน LazMall ให้สามารถจองคอนโดของแสนสิริทางออนไลน์ (Online Booking) ประเดิมเฟสแรกมีให้เลือก 45 ยูนิตจาก 9 โครงการ ราคาเริ่มตั้งแต่ 1.4 – 8 ล้านบาท
ความร่วมมือครั้งนี้ ทาง ปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์โครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า เป็นไปตามทิศทางของโลกปัจจุบันที่อีคอมเมิร์ซมาแรง และเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เน้นความง่าย , สะดวกและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมาจากการศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อคอนโดหรือบ้านของผู้บริโภค พบว่า กว่า 70% จะมีการค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ ทั้งทำเล , รูปแบบโครงการ , ดูการรีวิวและเปรียบเทียบต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ก็คือ 50% ของคนที่มาจากออนไลน์สามารถปิดยอดขายได้ ทำให้ทางแสนสิริต้องการขยายเข้ามาทางออนไลน์มากขึ้น
ส่วนสาเหตุว่า ทำไมต้องจับมือกับลาซาด้า ก็เพราะว่า ลาซาด้ามีประสบการณ์ด้านอีคอมเมิร์ซมานาน , มีฐานลูกค้าในไทยกว่าสิบล้านคน และมีเครื่องมือในการช่วยทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้เรามี Online Booking แต่จะเปิดเฉพาะช่วง pre sale โครงการแล้วปิด แต่ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นระยะยาว โดยมองเป็นช่องทางที่เป็นหน้าร้านบนศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่แสนสิริไม่เคยเข้าถึงมาก่อน คือ กลุ่ม Digital-savvy อายุ 25-45 ปี”
กลุ่มลูกค้าดังกล่าว ทาง ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นกลุ่มหลักที่มีการ spending ของลาซาด้า โดยความร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของการทำการตลาดของกลุ่ม High Involvement ที่มีราคาหลักล้านบาทขึ้นไป จากก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ที่มีขายในลาซาด้าจะอยู่ในราคาระดับหลักแสน เช่น แบรนด์เนม , นาฬิกา เป็นต้น
“ปัจจุบันการซื้อเฉลี่ยที่ของลูกค้าเราอยู่ที่ 1,400-1,500 บาทต่อเดือนต่อคน แต่อย่างที่บอกสินค้าหลักหมื่นหลักแสนที่มาขายบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ก็ได้รับการตอบรับดี และเราเองมีการทำงานใกล้ชิดกับแบรนด์ มีกระดานแสดงผลข้อมูลทางธุรกิจ (Business Advisor Dashboard) แสนสิริสามารถสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง ผ่าน Customized Marketing สามารถจัดการหน้าร้าน , บริหารสต็อกสินค้า และตัดสินวางแผนเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมหน้าร้านได้แบบเรียลไทม์ หรือตัดสินใจเพิ่ม Brand Awareness ผ่านฟีเจอร์ต่างๆ”
ขณะที่ผู้บริหารแสนสิริเอง ย้ำว่า ‘พฤติกรรมการซื้อ’ สำคัญกว่า ‘ยอด spending’ ซึ่งความร่วมมือนี้ เบื้องต้นต้องการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า ดู customer journey ว่า การเลือกหรือตัดสินใจซื้อคอนโดเป็นอย่างไร มีความชอบและความต้องการอะไร เพื่อเป็น data ในการต่อยอดในการทำการตลาด , การนำเสนอโครงการ ตลอดจนการออกแบบโครงการให้ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
โดย 45 ยูนิตจาก 9 โครงการที่นำมาเปิดตัว แสนสิริ ออฟฟิเชียล สโตร์ บน LazMall ก็ผ่านคัดมาแล้วว่า เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจับ นั่นคือ อายุ 25-45 ปี โดยทำเลจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้กับสาธารณูปโภค และเมืองท่องเที่ยว ระดับราคามีให้เลือกตั้งแต่ 1.4-8 ล้านบาท โดย 45 ยูนิต นี้ ขอดูผลตอบรับ 2 เดือน ก่อนจะเดินหน้าสู่สเตป 2 ของการพัฒนา ‘แสนสิริ ออฟฟิเชียล สโตร์’ บน LazMall นั่นคือ การเพิ่มยูนิตและเพิ่มจำนวนโครงการ รวมไปถึงการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ
นอกจากนี้ ทางแสนสิริอยู่กำลังพัฒนาระบบ Online Booking ของตนเอง คาดว่า จะเปิดให้บริการภายในปี 2563