หลังเงียบหายไปนานจนคิดว่า ‘คิดคิด’ หมากฝรั่งแบรนด์ดังในยุค 80 ได้ล้มหายไปจากตลาดตามกาลเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ล่าสุดหมากฝรั่งแบรนด์ดังแบรนด์นี้เตรียมหวนคืนสังเวียนอีกครั้ง โดยใช้โอกาสครบรอบ 35 ปี เตรียมขยายไลน์โปรดักท์ให้มีมากกว่า ‘หมากฝรั่ง’
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2527 บริษัท โรงงานลูกกวาดเม่งเซ้ง จำกัด ได้ผลิตหมากฝรั่ง ‘คิดคิด’ ที่มาพร้อมสโลแกน ‘คิดคิดเพื่อนเคี้ยว’ เป็นครั้งแรก วางกลุ่มเป้าหมาย 90% เป็นตลาดชานเมืองและต่างจังหวัด อีก 10% เป็นกลุ่มคนเมือง ซึ่งในปี 2540 ชื่อของ ‘คิดคิด’ เป็นที่รู้จักอย่างมากจากการทำโฆษณาทางโทรทัศน์และการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในรายการเพลงดังในอดีตอย่าง ‘โลกดนตรี’
ก่อนชื่อจะเริ่มหายไปจากตลาดหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง จนถึงปัจจุบันที่ได้ใช้โอกาสครบรอบ 35 ปี ของแบรนด์ เตรียมหวนคืนตลาดอีกครั้ง ด้วยการรีเฟรซแบรนด์ พร้อมกับประกาศขยายไลน์สู่ Consumer Product ให้มีโปรดักท์มากกว่า ‘หมากฝรั่ง’ เพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
“เรามีการทำการตลาดมาตลอด แต่เน้นทำกับดีลเลอร์และช่องทางจำหน่ายอย่างร้านยี้ปั๊ว ซาปั๊ว ตามต่างจังหวัด เพราะเราโฟกัสตลาดนี้มาตั้งแต่แรก ไม่ได้ทำกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้หลายคนคิดว่า แบรนด์เราไม่มีอยู่แล้ว การหวนคืนตลาดครั้งนี้ เราอยากดึง Brand essence ของคิดคิด ในเรื่องความสนุก ความเท่ห์ ความเป็นเพื่อน ที่เป็นจุดแข็งขยายออกไป เพื่อให้คนหวนคิดถึงยุคทองในยุค 80 และ 90 ออกมา” ริศร์สุ แต้มคงคา กรรมการผู้จัดการ และเป็นเจนเนอเรชั่นรุ่น 3 ของบริษัท โรงงานลูกกวาดเม่งเซ้ง จำกัด กล่าวพร้อมอธิบายว่า
เหตุผลที่เลือกขยายแบรนด์ ‘คิดคิด’ สู่ไลน์ Consumer Product เพราะภาพรวมของตลาดหมากฝรั่งในไทยอิ่มตัวและติดลบต่อเนื่องตั้งแต่ปี 57 จนถึงปัจจุบัน โดยคาดว่า มูลค่าตลาดตอนนี้อยู่ราว 2,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 มีมูลค่าที่ 3,000 ล้านบาท มี ‘เดนทีน’ เป็นผู้นำตลาด รองลงมา ได้แก่ ริกลี่ย์ และลอตเต้
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ตลาดหมากฝรั่งในบ้านเราติดลบมาจาก 3 สาเหตุหลัก 1. สภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย 2. ไลฟ์สไตล์คนไทยไม่นิยมบริโภคหมากฝรั่ง 3 . ค่านิยมของคนไทยที่ว่า หมากฝรั่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในเรื่องฟันผุ
ด้วยสภาพตลาดดังกล่าว หากไม่มีการปรับตัว หรือขยายไลน์ให้มีมากกว่าหมากฝรั่ง จะทำให้แบรนด์ ‘คิดคิด’ อยู่ยาก และอาจหายไปจากตลาด บวกกับเห็นศักยภาพของแบรนด์ที่คนยังจดจำและคิดถึง โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen X และ Gen Y ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ทรงพลังในการจับจ่ายในยุคปัจจุบัน จึงต้องการขยายไลน์มาในกลุ่ม Consumer Product ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นที่ผู้บริโภคต้องใช้ทุกวัน
การขยายสินค้าในกลุ่มนี้ จะดึง Brand essence ของคิดคิด ในเรื่องความสนุก-ความเท่ห์-ความเป็นเพื่อน มาถ่ายทอดคาแรคเตอร์สู่โปรดักท์อื่น ๆ ประเดิม ‘แฟชั่น’ เป็นกลุ่มแรก โดยร่วมมือกับสยามเซ็นเตอร์ และ ไทย ดีไซเนอร์ 3 แบรนด์ดัง คือ Fox Pixel แบรนด์เสื้อผ้าชุดลำลองสำหรับ Unisex , April Pool Day แบรนด์ชุดว่ายน้ำวินเทจ และ She แบรนด์กระเป๋าเฮดเมด ในการออกสินค้ารุ่น Limited Edition มาวางจำหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์ ในปี 2562 เท่านั้น
ส่วนสินค้าใหม่ ๆ ที่จะตามมา จะเริ่มทยอยเห็นต่อจากนี้ โดยหากเป็นสินค้าบริโภค จะเน้นกลุ่ม Healthy Product ตามเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งสินค้าแรกในกลุ่มนี้ ก็คือ นมถั่วเหลือง คาดว่า จะเริ่มออกสู่ตลาดช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพจำว่า ‘คิดคิด เป็นแบรนด์หมากฝรั่ง นอกจากนี้การที่แบรนด์เป็นที่รู้จักเฉพาะในกลุ่มคนยุค 80 และ 90 หรือกลุ่ม Gen X และ Gen Y ขณะที่คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายแห่งอนาคต แทบจะไม่รู้จักเลย จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามมากว่า การหวนคืนสู่ตลาดของ ‘คิดคิด’ จะแก้โจทย์เหล่านี้อย่างไร