การประกาศร่วมทุนจัดตั้ง Kerry Cool เพื่อบุกธุรกิจ Cold Chain Delivery ขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิของสองยักษ์จากสองวงการอย่าง ‘บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)’ และ ‘เครือเบทาโกร’ พร้อมกับตั้งเป้าใน 3 ปี Kerry Cool จะครองความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ และภายใน 5 ปีจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แม้จะส่งสัญญาณให้เห็นความร้อนแรงของตลาดดังกล่าว ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่า Cold Chain Delivery มีความน่าสนใจอย่างไร
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Kerry Cool กันก่อน โดยบริษัทนี้ทางเคอรี่ฯ จะถือหุ้นในสัดส่วน 60% ขณะที่เครือเบทาโกรถืออยู่ 40% เบื้องต้นมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ตอนนี้ให้บริการขนส่งด่วนควบคุมอุณหภูมิ 2 รูปแบบ ได้แก่ Chilled อุณหภมิ 0-8 องศา และ Frozen อุณหภูมิ -15 องศา จับกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B (Business to Business), B2C (Business to Customer) และ C2C (Customer to Customer)
อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร ได้อธิบายเหตุผลของการร่วมทุนกันครั้งนี้ ก็เพราะว่า
1.Cold Chain Delivery เป็นตลาดที่น่าสนใจ แม้ปัจจุบันจะคิดเป็น 5% ของตลาดขนส่งทั้งหมด หรือมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่ก็มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 12-15%
2.เห็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อ ecosystem ของธุรกิจขนส่ง และในไทยเองเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาตลาด บวกกับทั้งเคอรี่ฯและเบทาโกรเห็นเทรนด์ความต้องการของบริการดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ตลาดนี้จึงยังสามารถเติบโตไปได้อีกมาก
3.Cold Chain Delivery ในไทยยังไม่มีเจ้าตลาดที่ชัดเจน โดย Top 5 ของผู้ประกอบการครองสัดส่วนตลาดรวมกันที่ 10% ดังนั้นยังมีช่องว่างให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าไปได้อีก
จุดแข็งและความได้เปรียบของน้องใหม่ Kerry Cool
สำหรับจุดแข็งของน้องใหม่ Kerry Cool ที่จะใช้ลุยธุรกิจนี้ ก็คือ การให้บริการแบบ One stop service ในรูปแบบ Cold Express Delivery Platform สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มทั้ง B2B , B2C และ C2C ซึ่งจะมีบริการได้มาตรฐาน ความสะอาดและรักษาคุณภาพของสินค้า การนำเทคโนโลยีและศักยภาพต่าง ๆ ของ Kerry Express อาทิ ศูนย์รับและกระจายสินค้า , แอป ฯลฯ ก็จะถูกนำมาใช้กับการให้บริการ Cold Chain Delivery
แบบที่เรียกว่า Kerry Express ดีหรือเชี่ยวชาญอะไร Kerry Cool ก็จะเป็นแบบนั้น เพื่อทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแรงสามารถตอบสนองความต้องการ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้า
“ช่องว่างของบริการนี้ คือ ยังไม่มีมาตรฐานในการให้บริการ เราจะเข้ามาเซ็ต นำเทคโนโลยีและบริการระดับโลกมาใช้ เช่น การติดตามอุณหภูมิของพัสดุตลอดการขนส่ง ไปพร้อมกับการติดตามสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ การจัดส่งพัสดุด้วยโมเดล Hub-and-Spoke เพื่อช่วยในการลดต้นทุนและค่าดำเนินการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งได้มากขึ้น” วราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม
ตั้งเป้า 3-5 ปีขึ้นเป็นผู้นำ พร้อมวางแผนเข้า IPO
ณ ตอนนี้ Kerry Cool เริ่มให้บริการแล้วพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นจุดกระจายสินค้าที่ทางเครือเบทาโกร ต้องการเข้าไปส่ง จากนั้นในปี 2565 จะขยายจุดกระจายสินค้าอีก 55 แห่ง และในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 จะกระจายบริการให้ทั่วประเทศ พร้อมกับให้บริการแบบ C2C ด้วย
สำหรับเป้าหมายด้านธุรกิจนั้น ภายใน 3-5 ปี Kerry Cool จะสร้างรายได้คิดเป็น 25% จากรายได้ทั้งหมดของเคอรี่ฯ และครองมาร์เก็ตแชร์เกินครึ่งในตลาด Cold Chain Delivery ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ รวมถึงภายใน 5 ปีต่อจากนี้ มีแผนจะนำเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คาดว่า Kerry Cool จะมีรายได้แตะหลักหลายพันล้านบาทแล้ว