ประมาณ 10 โมงของเช้าวันที่ 17 เม.ย. 2019 สนามบิน Changi คึกคักเป็นพิเศษ เพราะทั้งชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างก็อยากมาสัมผัสกับ “Jewel Changi Airport” แหล่งไลฟ์ไสตล์สุดชิคแห่งใหม่ของสิงคโปร์ และเป็น “แมกเน็ต” ใหม่แห่งสนามบิน Changi ซึ่งเปิดตัวเป็นวันแรก
Jewel Changi Airport มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 135,700 ตารางเมตรพัฒนาขึ้นจากพื้นที่จอดรถกลางแจ้งของอาคารผู้โดยสาร 1 กลายเป็นอาคารโดมแก้วขนาด 10 ชั้น (อยู่ใต้ดิน 5 ชั้น) เป็นแหล่งรวมร้านค้าชั้นนำของสิงคโปร์และระดับโลกตลอดจนร้านอาหารและร้านกาแฟชื่อดังจากทั่วมุมโลกรวมกว่า 280 ร้านโดยหนึ่งร้านค้าที่หลายคนรอคอยคือ Pokemon Center ซึ่งจะเป็นร้านแรกที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น
ภายในอาคารยังมีโรงหนังกว่า 10 โรง โรงแรมแบรนด์ YotelAir สำหรับการเข้าพักระหว่างวัน ( 4 ชม. ขึ้นไปจนถึงค้างคืน) นอกจากนี้ยังมี Changi Experience Studio (Interactive Game Station และ Art Gallery) และมีสวนป่าขนาดใหญ่ (Canopy Park) ที่มีต้นไม้และต้นปาล์มกว่า 2,000 ต้น พร้อมด้วยพุ่มไม้ใหญ่น้อยรวมทั้งอาคารกว่า 100,000 พุ่ม เป็นพืชพรรณที่แตกต่างกันถึง 120 สายพันธุ์ ส่งตรงจากหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย จีน ออสเตรเลีย สเปน และสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาปลูกนานถึง 3 ปี (ในส่วนของ Changi Experience Studio และ Canopy Park จะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน มิ.ย. 2019 นี้)
ไฮไลท์ของอาคารแห่งนี้คือ น้ำตกในร่มที่สูงถึง 40 เมตร ถือเป็นน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก โดยมีปริมาณน้ำตกประมาณ 10,000 แกลลอนต่อนาที โดยน้ำที่ใช้เป็นน้ำฝนที่กักเก็บไว้ในช่วงเวลาที่ฝนตก แล้วใช้ระบบการปั๊มน้ำจากถังเก็บน้ำใต้อาคารสูบขึ้นไปปล่อยเป็นน้ำตกจากหลังคาของตัวอาคาร ความพิเศษของน้ำตกแห่งนี้คือ ในช่วงค่ำ จะมีการแสดงแสงสีเสียงประกอบการยิงเลเซอร์บนม่านน้ำตก
โครงการนี้ใช้เวลาก่อสร้างราว 4 ปีกว่า ใช้งบราว 1,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 23.5 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง Changi Airport Group กับ Capital Land ออกแบบโดยสถาปนิกชือดังระดับโลก Moshe Safdie ผู้ออกแบบ Marina Bay Sands
ความคิดในการสร้างโครงการนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐบาล “ลี เซียน ลุง” เมื่อปี 2013 ซึ่งเป้าหมายหลักของโครงการคือครองความเป็น “เบอร์หนึ่ง” ในฐานะศูนย์กลางทางการบินระดับพรีเมี่ยมให้กับประเทศสิงโปร์ต่อไป และยังต้องการพัฒนาประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาใช้บริการที่สนามบิน Changi ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังหวังว่า Jewel จะเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูด Traffic นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเอเชีย ให้เลือกสายการบินที่มาแวะพัก/เปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Changi
กลุ่มเป้าหมายหลักของ Jewel มีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) นักช้อปและคนที่พักอาศัยในสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องมีตั๋วเครื่องบินหรือมาใช้บริการสนามบิน ก็สามารถมาพักผ่อนช้อปปิ้งที่นี่ได้ และ 2) นักท่องเที่ยวที่ต้องรอไฟลท์บินมากกว่า 5 ชม.ขึ้นไป โดยที่ Jewel มีตู้ Early Check-in และ Drop-Bag Automation ให้บริการนักท่องเที่ยวทำการเช็คอินและรับ Boarding Pass เพื่อที่จะได้พักผ่อนเดินเล่นและช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจจนใกล้เวลาขึ้นเครื่อง
ปัจจุบันมีประมาณ 26 สายการบินที่รองรับการเช็คอินล่วงหน้าที่ Jewel แต่สำหรับสายการบินที่ยังไม่เปิดบริการ Early Check-in ทางสนามบินก็มีพื้นที่รับฝากกระเป๋า เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย
ถึงแม้ Jewel จะไม่ใช่อาคารผู้โดยสารที่มีอาคารขาเข้าหรือขาออก (Terminal) แต่ก็เชื่อมโยงกับอาคารผู้โดยสารทั้ง 3 แห่งของสนามบิน Changi คือ Terminal 1-3 รับส่งผู้โดยสารจากอาคารผู้โดยสารหลังต่าง ๆ ภายในสนามบินด้วยรถไฟฟ้า ส่วนการเดินทางรับส่งสู่ Terminal 4 จะมีบริการ Shuttle Bus รับส่งที่อาคาร 2 นอกจากนี้ ยังมีเลาจน์ให้บริการรับรองแก่ผู้โดยสารไฟลท์เชื่อมต่อที่รอใช้บริการเรือโดยสารขนาดใหญ่ (Fly-to-Cruise) และเรือเฟอรรี่ (Fly-to-Ferry)
5 จุดห้ามพลาดใน Jewel Changi Airport
นอกจากเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและชื่นชมกับน้ำตกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ยังมีอีก 5 จุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ถ้าได้มาที่ Jewel Changi Airport ได้แก่
1. Sky Nets เป็นทางเดินตาข่ายท่ามกลางสวนป่า ในระยะทางยาว 50 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร ให้ความรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน และประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยว
2. Canopy Mazes เขาวงกตสูง 1.8 เมตร บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร เพิ่มความท้าทายด้วยกระจกเงา ออกแบบโดยผู้ก่อตั้งและประธานแห่ง Adrian FisherDesign บริษัทที่สร้างเขาวงกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
3. Discovery Slides ซึ่งตัวสไลด์ถูกออกแบบโดยบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ ให้ดูเหมือนผลงานประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ มีความสูงที่แตกต่างกันไปในแต่ละสไลด์ สร้างความสนุกให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่หัวใจเด็ก
4. Foggy Bowls ออกแบบโดย The Exploratorium จากซานฟรานซิสโก เป็นพื้นที่ที่เด็ก ๆ จะได้สนุกกับหมอกและจินตนาการราวกับวิ่งอยู่บนก้อนเมฆ
และ 5. Canopy Bridge สะพานขึงสูง 23 เมตร ความยาว 50 เมตร เพิ่มความเสียวและสนุกด้วยพื้นกระจกในพื้นที่ตรงกลาง พร้อมด้วยหมอกบาง ๆ รอบสะพาน
Changi Airport ดีที่สุด 7 ปีซ้อน และจะไม่ยอมเสียแชมป์ง่าย ๆ
เมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา Skytrax บริษัทวิจัยสํารวจระดับโลกด้านการท่องเที่ยวทางอากาศ เพิ่งประกาศผลการจัดอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก (World Airport Awards) ประจำปี 2019 ซึ่งยังคงเป็นแชมป์เก่าคือ Singapore Changi Airport ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองได้อีกปี ส่งผลให้ Changi Airport ขึ้นแท่นสนามบินดีที่สุดในโลกเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งยังคว้ารางวัล World’s Best Airport Leisure Amenities และ Best Airport in Asia อีกด้วย
ความพยายามของ Changi Airport ในการรักษาแชมป์สนามบินที่ดีที่สุดในโลกดูจะมีออกมาให้เห็นและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้าการเปิดตัว Jewel สนามบินแห่งนี้ก็เพิ่งเปิดตัวอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่คือ Terminal 4 ไปเมื่อปลายเดือนต.ค. ปี 2017
Terminal 4 ของ Changi Airport ถูกยกให้เป็นอาคารผู้โดยสารสุดไฮเทคที่ใช้ระบบ FAST (Fast and Seamless Travel) ประกอบด้วย จุดเช็คอินอัตโนมัติ เพื่อรับ Boarding Pass และติด tag กระเป๋า จุดฝากกระเป๋า (Drop-bag) อัตโนมัติ ซึ่งหากในกระเป๋ามีของอันตรายหรือไม่ผ่านข้อกำหนด เครื่องจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ กระเป๋าก็จะถูกส่งไปโหลด จากนั้นก็ไปยัง จุดตรวจหนังสือเดินทางและตรวจคนอัตโนมัติ โดยมีการนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้ กระทั่งถึง จุดผ่านขึ้นเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งทั้งกระบวนการมีการนำระบบไอทีมาใช้ ทำให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และลดจำนวนพนักงานลงไปได้มาก
นอกจากนี้ ในการตรวจค้นสัมภาระ ที่นี่ยังใช้เครื่องสแกนและตรวจสอบความปลอดภัยขั้นสูง ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องเอาโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกจากกระเป๋า ซึ่งช่วยลดเวลาได้อีกมาก
แม้จะเป็นอาคารผู้โดยสารที่ใช้เทคโนโลยีจ๋า แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายศิลปะ โดยได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากกลีบดอกกล้วยไม้ ซึ่งถือว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ ร่วมกับการดีไซน์ร้านค้าให้มีลักษณะคล้ายอาคารสไตล์ “เปอรานากัน (Peranakan)” อันเป็นสไตล์ของกลุ่มอาคารอนุรักษ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวเปอรานากันที่อยู่ในสิงคโปร์
นอกจากความทันสมัย และศิลปะ สนามบินแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งด้านความบันเทิงและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เช่น โรงหนังชมฟรีตลอด 24 ชั่วโมง สระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า ห้องเล่นเกมส์ สวนผีเสื้อ สวนดอกทานตะวัน บริการเก้าอี้นวดฟรี บริการอินเตอร์เน็ตและ Wi-fi ฟรี ห้องน้ำวิวรันเวย์ ฯลฯ และที่สำคัญคือ มีการรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา โดยนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติเข้าใช้งาน
สำหรับสนามบินที่ดีที่สุดอันดับ 2 และ 3 ของปีนี้ ได้แก่ Tokyo Haneda International Airport (ญี่ปุ่น) และ Incheon International Airport (เกาหลีใต้) ตามลำดับ ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิของไทยอยู่ที่อันดับที่ 46 ตกลงมาจากอันดับที่ 36 ในปี 2018 ขณะที่สนามบินของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสนามบินจาการ์ต้า (อินโดนีเซีย) อยู่ที่อันดับ 40 โดยขึ้นจากอันดับที่ 45 ในปีที่แล้ว
รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งเป้าว่า จากนี้สนามบิน Changi จะรองรับผู้โดยสารจากทั่วโลกได้มากถึง 85 ล้านคนต่อปี …..ต้องยกย่องว่า แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 5.8 ล้านคน แถมไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์พร้อมเหมือนหลาย ๆ ประเทศ แต่กลับครองตำแหน่งสนามบินที่ดีที่สุดในหลาย ๆ ด้าน สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะการเนรมิตธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ อย่างสวนป่าและน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก มาอยู่ในใจกลางเมือง ทำให้ผู้อาศัยและผู้มาเยือนในประเทศนี้ได้รื่นรมย์
โดยไม่ต้องรอให้ต้องเสียแชมป์ และเรียกได้ว่า จะไม่ยอมใครก้าวทันกันเลยทีเดียว เพราะแว่วมาว่า หลังจากนี้อีกไม่ถึง 2 ปี (ราวปี 2020) สนามบิน Changi มีแผนที่จะเปิดอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 5 ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำกว่าเดิม
แหล่งข้อมูล Skytrax, The Straits Times, CNN Travel, Changi Airport, Jewel Changi Airport