สำหรับใครที่เป็นเจ้าของ iPhone 13 ลงไป โดยเครื่องอยู่นอกการรับประกัน และแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพลงแล้ว คงต้องรีบตัดสินใจเพราะล่าสุด Apple เพิ่งออกมาประกาศผ่านเว็บไซต์ว่า จะขึ้นราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับ iPhone รุ่นเก่าขึ้นอีก 990 บาท เริ่มต้นในวันที่ 1 มีนาคมนี้
โดยเว็บไซต์ Apple ระบุเอาไว้ว่า “ค่าธรรมเนียมการบริการแบตเตอรี่ที่อยู่นอกการรับประกันปัจจุบันจะยังคงมีผลไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2023 เป็นต้นไป ค่าธรรมเนียมการบริการแบตเตอรี่นอกการรับประกันจะเพิ่มขึ้น 990 บาทสำหรับ iPhone รุ่นก่อน iPhone 14 ทั้งหมด“
นั่นหมายความว่าค่าธรรมเนียมการบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับ iPhone ที่อยู่นอกการรับประกัน รุ่นต่างๆจะเป็นดังนี้
- iPhone 13 ทุกรุ่น เดิม 2,300 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 3,290 บาท
- iPhone 12 ทุกรุ่น เดิม 2,300 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 3,290 บาท
- iPhone 11 ทุกรุ่น เดิม 2,300 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 3,290 บาท
- iPhone X ทุกรุ่น เดิม 2,300 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 3,290 บาท
- iPhone 8 ทุกรุ่น เดิม 1,600 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,590 บาท
- iPhone 7 ทุกรุ่น เดิม 1,600 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,590 บาท
- iPhone 6 ทุกรุ่น เดิม 1,600 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,590 บาท
- iPhone SE ทุกรุ่น เดิม 1,600 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,590 บาท
รายงานระบุว่านอกจาก iPhone แล้วค่าทำเนียบการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์หมดประกันยังรวมไปถึง iPad, MacBook บางรุ่นด้วย ขณะที่ iPhone 14 ในเวลานี้ยังอยู่ในระยะเวลารับประกันนั่นหมายความว่าหากแบตเตอรี่มีปัญหา Apple จะยังเปลี่ยนให้ฟรีอยู่ แต่หลังจากหมดประกันแล้วการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone 14 จะมีราคาอยู่ที่ 3,850 บาท
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Apple เองก็ต้องปรับตัวกับค่าใช้จ่ายและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างที่ Apple เคยเปิดเผยเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาว่าภาวะเงินเฟ้อนั้นส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจและทำให้ต้องขึ้นราคา iPhone ในหลายๆประเทศ
การขึ้นราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ในครั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้ใช้งานตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่แทนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมไปถึงอาจทำให้ผู้ใช้งานเลือกไปเปลี่ยนแบตเตอรี่กับร้านซ่อมที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การรับรองของ Apple เพิ่มขึ้น
สำหรับปัญหาเรื่องราคาแบตเตอรี่ของ Apple หากจำกันได้เมื่อปี 2017 Apple เคยถูกผู้ใช้งานแฉว่า Apple เขียนโค้ดให้ iPhone ทำงานช้าลงเมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องดับเอง
กรณีดังกล่าวกลายเป็นคดีความฟ้องร้องใหญ่โตที่สุดท้าย Apple แพ้คดีต้องจ่ายค่าปรับ และออกโปรโมชั่นชดเชยให้กับลูกค้าด้วยการลดราคาค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่เหลือเพียง 29 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 990 บาท และนั่นก็ส่งผลให้มีลูกค้า Apple แห่กันไปเปลี่ยนแบตเตอรี่กันเป็นจำนวนมากจนคิวยาวเป็นเดือนๆ ก่อนที่โปรโมชั่นดังกล่าวจะสิ้นสุดลงและราคาแบตเตอรี่ก็ค่อยๆปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งการปรับราคาขั้นล่าสุดในครั้งนี้
ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกความเคลื่อนไหวของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ต้องปรับตัวสู้กับต้นทุนที่สูงขึ้นและเป็นความท้าทายในปี 2023 นี้ และสำหรับใครที่ใช้ iPhone รุ่นเก่าก็ลองเข้าไปเช็ค Battery Health กันดูหากต่ำกว่า 80% ก็รีบไปจองคิวเปลี่ยนแบตเตอรี่กันได้เลยก่อนที่ Apple จะปรับขึ้นราคา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง สวัสดี รีวิว Apple iPhone 14 Pro Max สีม่วงเข้มเรียบหรู เครื่องเดียว ‘Turn Pro ให้เป็นยิ่งกว่า Pro’ ไปได้ทุกอีเว้นท์ สนุกและเก่งกาจได้มากกว่าเดิม
