Forbes Thailand เผยรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีในไทย ปี 2015

นิตยสาร Forbes Thailand เผยรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีไทยในปี 2015 – Thailand’s 50 Richest 2015 ซึ่งเก็บข้อมูลโดยทีมงาน Forbes และ Forbes Asia เรียบเรียงโดย Forbes Thailand

แม้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตช้าลง แต่มูลค่าสินทรัพย์รวมของ 50 มหาเศรษฐีไทยทำสถิติใหม่พุ่งขึ้นเป็นกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,355 ล้านล้านบาทหรือ 1 ส่วน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่มีประชากร 67 ล้านคน ท่ามกลางความแห้งแล้งทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 รายได้และกำไรสุทธิของ บมจ. ไทยเบฟฯ ของ เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ในไตรมาสล่าสุดกลับเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก ส่งผลให้ราคาหุ้นของไทยเบฟฯ พุ่งขึ้น ซึ่งช่วยดึงมูลค่าสินทรัพย์รวมของเจริญเพิ่มขึ้น และดันให้เขาขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยของ Forbes ในปีนี้ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.36 แสนล้านบาท

ขณะที่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารพยายามเพิ่มภาษีและลดการบริโภคแอลกอฮอล์ เจ้าพ่อน้ำเมาตั้งเป้าเพิ่มยอดขายของไทยเบฟฯ ขึ้น 2 เท่า ให้เป็น 1 หมื่นล้านเหรียญ ภายในปี 2020 โดยมุ่งให้ยอดขายครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศแม้มีข่าวออกมาว่าการเข้า ซื้อ Fraser & Neave (F&N) บรรษัทด้านเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่ของสิงคโปร์ด้วยมูลค่า 3.76 แสนล้านบาท เมื่อ 2 ปี ส่งผลให้กลุ่มของเจริญต้องมีหนี้สินจำนวนมากแต่เจ้าสัวจอมซื้อผู้นี้ ยังมองหาธุรกิจดีๆ เพื่อเข้าครอบครองมาต่อยอดขยายฐานธุรกิจในภูมิภาค

ล่าสุด เขากำลังเจรจากับรัฐบาลเวียดนาม เพื่อขอซื้อ Sabeco รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเบียร์ Saigon ในมูลค่า 3.35 หมื่นล้านบาท ทว่า เขาอาจต้องขายหุ้นของ F&N ในโรงงานผลิตเบียร์ของพม่าหลังพ่ายในข้อพิพาททางการฎหมาย

ทางด้านดีลเมกเกอร์ผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกคนอย่าง ธนินท์ เจียรวนนท์ ก็มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 9.73 หมื่นล้านบาท หรืออีก 25% ของความมั่งคั่งเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของจีน Ping An กระโดดขึ้นมามากในรอบปี ส่งผลให้ตัวเขา (ซึ่งเราคำนวณสินทรัพย์ของพี่น้องอีก 3 คน รวมเข้าด้วยกัน) กลับขึ้นสู่อันดับ 1 บนทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทย อีกครั้งในปีนี้

ด้านมหาเศรษฐีอันดับรองๆ ลงมา ล้วนได้ประโยชน์จากราคาของหุ้นพลังงานทดแทนและก่อสร้างที่พุ่งขึ้นไปกับความฝันในอนาคตและ IPO สมโภชน์ อาหุนัย อดีตนายหน้าค้าหลักทรัพย์ กลายเป็นเศรษฐีพันล้านเหรียญ (billionaire) ไปแล้วในปีนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นของ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ พุ่งทะยานดึงตำแหน่งของสมโภชน์ในทำเนียบ Forbes ขึ้นมา 15 อันดับ มาอยู่ลำดับที่ 24 ในปีนี้

ด้าน นิจพร จรณะจิตต์ และ เปรมชัย กรรณสูตร สองพี่น้องแห่ง บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กลับสู่ทำเนียบ Forbes อีกครั้งในปีนี้ หลังหลุดจาดโผเมื่อปีที่แล้ว ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีปีนี้ มีโอกาสต้อนรับน้องใหม่ถึง 6 คน สามในหกคนรวยจากการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในรอบปีที่ผ่านมา เช่น เสถียร เศรษฐสิทธิ์ แห่ง บมจ. คาราบาว กรุ๊ป และ ฉัตรชัย แก้วบุตตา แห่ง บมจ.ศรีสวัสดิ์ เพาเวอร์

ทว่า วิกฤตการณ์การเมืองปีที่ผ่านมาส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินและอันดับของมหา เศรษฐีหลายคนในทำเนียบลดลงในปีนี้ เนื่องจาก กำลังซื้อในภาคครัวเรือนที่ตกลง ในภาวะที่รัฐบาลลดการอุดหนุนภาคการเกษตร และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เช่น ตระกูลจิราธิวัฒน์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกของไทย ตกมาอยู่อันดับ 3 ในปีนี้ ส่วนยอดขายรถยนต์ที่หดตัว ก็ส่งผลให้อันดับของตระกูลผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หล่นอันดับลงมาด้วย และมีเศรษฐี 7 คนที่ต้องหลุดจากทำเนียบ 50 คน ในปีนี้ ที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้น นพพร ศุภพิพัฒน์ นักธุรกิจพลังงานลมหน้ามลที่หนีคดีอยู่ต่างแดน