Forbes ได้จัดอันดับมหาเศรษฐีจากทั่วโลกเป็นประจำทุกปี รวมถึงในไทย ซึ่งทาง Forbes Thailand ได้เปิดเผยออกมาเช่นกัน โดยในปี 2562 มหาเศรษฐีไทย 4 อันดับแรกต่างมูลค่าความมั่งคั่งลดลง ทั้งอันดับ 1 ‘พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์’ แห่งอาณาจักรซีพี , อันดับ 2 ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล , อันดับ 3 ‘เฉลิม อยู่วิทยา’ แห่งกระทิงแดง และอันดับ 4 ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ แห่งกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ
การจัดอันดับนี้ Forbes Thailand ได้ใช้ข้อมูลทางการเงินและการถือครองหุ้น ที่ได้รับมาจากทางครอบครัวและปัจเจกบุคคล ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง รวมถึงทรัพย์สินของครอบครัวและทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวในหลายรุ่น ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนคำนวณจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 เมษายน ส่วนทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับผู้ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยมีทรัพย์สินลดลง รวมถึงมหาเศรษฐี 4 อันดับแรก ซึ่ง Forbes Thailand ให้เหตุผลว่า มาจากความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งของไทยในเดือนมีนาคมมีส่วนบั่นทอนบรรยากาศความเชื่อมั่น ฉุดค่าเงินบาท และดึงดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยรวมของมหาเศรษฐีในทำเนียบปรับตัวลงเล็กน้อยไปอยู่ที่ 1.605 แสนล้านเหรียญ (ประมาณ 5.14 ล้านล้านบาท) จากเมื่อปีที่แล้วที่ 1.62 แสนล้านเหรียญ
โดย 10 อันดับแรกของผู้ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่
สำหรับผู้สนใจอยากทราบว่า ผู้ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยสามารถอ่านได้เพิ่มเติมได้ที่ forbes-lists/thailand-richest
มหาเศรษฐีไทย 4 อันดับแรกมีมูลค่าความมั่งคั่งลดลง
อันดับ 1 ‘พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์’ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2.95 หมื่นล้านเหรียญ (9.41 แสนล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยจาก 3 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว
อันดับ 2 ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล มีทรัพย์สินสุทธิ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ (6.70 แสนล้านบาท) แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วที่ 2.12 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับ 3 ‘เฉลิม อยู่วิทยา’ แห่งกระทิงแดง มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงมาอยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านเหรียญ (6.35 แสนล้านบาท) จาก 2.1 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อนหน้า
อันดับ 4 ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ แห่งกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ มีทรัพย์สินมูลค่า 1.62 หมื่นล้านเหรียญ (5.17 แสนล้านบาท) ลดลง 1.2 พันล้านเหรียญ จาก 1.74 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2561
อย่างไรก็ตาม 1 ใน 3 ของมหาเศรษฐีที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในทำเนียบปีนี้ มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยบุคคลที่น่าสนใจก็คือ มหาเศรษฐีอันดับ 5 ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ นักธุรกิจใหญ่แห่งบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จากัด (มหาชน) มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 1.8 พันล้านเหรียญ (5.74 หมื่นล้านบาท) ไปอยู่ที่ 5.2 พันล้านเหรียญ (1.66 แสนล้านบาท)
ส่วนมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างโดดเด่นอีกราย คือ ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (อันดับ 8, 3 พันล้านเหรียญ) มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.3 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว หลังจากได้นำเอาบริษัท โอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังอายุ 128 ปี เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนตุลาคม 2561
ขณะที่มหาเศรษฐีหน้าใหม่ในปีนี้มี 4 ราย ได้แก่
‘ชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์’ (อันดับ 23, 1.8 พันล้านเหรียญ) ประธานเครือเบทาโกร บริษัทอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร
‘อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา’ (อันดับ 6, 4.7 พันล้านเหรียญ) วัย 33 ปี ซึ่งอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ ได้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอ คิง เพาเวอร์ ต่อจากบิดาผู้ล่วงลับ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’
‘ชาติศิริ โสภณพนิช’ (อันดับ 29, 1.1 พันล้านเหรียญ) กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ปรากฏชื่อในทำเนียบเป็นครั้งแรก หลังจากที่ ชาตรี โสภณพนิช ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนตระกูลมาลีนนท์ (อันดับ 47, 600 ล้านเหรียญ) แห่งบริษัทสื่อ บีอีซีเวิลด์ ก้าวเข้ามาเป็นหน้าใหม่ในทำเนียบเช่นกัน
ที่มา : forbesthailand