ดูเหมือนเหล่าดาราและคนดังในเมืองไทยเริ่มทนไม่ไหวกับการ “ฝากร้าน” ของบรรดาแม่ค้าต่างๆบน Instagram ที่เอาแต่มาคอมเม้นต์ฝากร้านของตัวเองเต็มไปหมดโดยไม่สนใจภาพหรือข้อความใดๆของเหล่าดารา-คนดังทั้งหลายเลยว่าเขากำลังสื่อสารพูดคุยกับแฟนๆว่าอะไร จนทำให้แฟนคลับตัวจริงถึงกับเซ็งเพราะไม่สามารถสอดแทรกข้อความใดๆได้เลยเพราะเมื่อกดเข้าไปอ่าน Comment ก็จะเจอแต่การฝากร้านทั้งในรูปแบบของการโพสขายของตรงๆ ใส่ #hashtag รวมไปถึงการตั้งชื่อและรูป Profile ว่าเป็นการขายสินค้าต่างๆ
ตัวอย่าง Comment ฝากร้านที่เราพบเห็นอยู่บ่อยๆ
และยิ่งแย่ไปกว่านั้นก็คือกระบวนการ “ฝากร้าน” ของพ่อค้าแม่ค้าในเมืองไทยก็ไม่เคยแม้แต่จะละเว้นการฝากร้านกับโพสบางโพสที่เป็นเรื่องแสดงความรู้สึกเสียใจของการจากไปของบุคคล หรือการอวยพรวันเกิดใดแก่บุคคลใกล้ชิดของเหล่าดารา-คนดังนั้นๆเลย จึงเป็นเห็นให้มีการรวมตัวกันของเหล่าคนดังที่ “ตั้งกฏ” เหล็กขึ้นมาว่าต่อจากนี้ไปจะมีการควบคุมการฝากร้านของพ่อค้าแม่ค้าบน Instagram ให้ลดน้อยลงหรือห้ามฝากร้านเมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหรือดารา-คนดังคนนั้นก่อน
แม้จะเป็นโพสบริจาคเงินที่เป็นเรื่องราวดีๆที่ดาราต้องการจะบอก ก็ยังมีโพสฝากร้านแทรกมาให้เห็น
ตัวอย่างโพสต่อต้านการฝากร้านของดาราไทย
วิธีการจัดการกับการฝากร้านของ Tata Young นักร้องซุปเปอร์สตาร์ของไทย
วิธีการจัดการกับการฝากร้านของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวช่อง 3
วิธีการจัดการกับการฝากร้านของ Peary Pie ช่างแต่งหน้าสาวคนดัง
ดาราหลายคนใช้วิธีการระบุว่างดฝากร้าน บนช่อง Location บน Instagram
เพื่อหยุดพฤติกรรมของร้านค้าต่างๆ ดังนั้นก่อนจะโพสรูปดาราหลายคนก็ใช้วิธีพิมพ์ว่างดฝากร้านลงในช่อง Check-in สถานที่ก่อนเพื่อแจ้งให้ร้านค้าทราบว่าห้ามมา Comment ฝากร้านเด็ดขาด
ความแตกต่างในการใช้ Instagram เป็นช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ระหว่างเมืองนอกและเมืองไทย
ปัจจุบันในเมืองไทย Instagram ถือเป็น Photo sharing platform ที่ได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากเน้นเฉพาะคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพรวมไปถึงติดตามเรื่องราวที่สื่อสารออกมาเป็นรูปภาพ อีกทั้งดารา ศิลปิน และคนดังต่างๆทั้งในต่างประเทศและในไทยก็ใช้งาน Instagram กันมากมายจึงทำให้มีฐานผู้ใช้งานนั้นเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากมันเป็นที่นิยมแน่นอนว่ามันก็จะกลายเป็นช่องทางการโปรโมทที่ดีได้เช่นกันทำให้เราจึงเห็นการสร้าง Account Instagram ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการค้าหรือ E-Commerce นั้นเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งในเมืองไทยนั้นเทรนด์การทำ E-Commerce ผ่าน Instaram นั้นแตกต่างจากเมืองนอกมาก เพราะเมื่อเราไปดูบรรดาร้านค้าออนไลน์เมืองนอกนั้นเวลาสร้าง Official Account สำหรับการโปรโมทสินค้านั้นแบรนด์และร้านค้าต่างๆของเมืองนอกจะใช้วิธีการสื่อสารในรูปแบบของ Life Style มากกว่า Hard Sale อย่างของเมืองไทย
ตัวอย่างเช่น ร้านขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง Mr. Porter (www.mrporter.com) จะมี Instagram Account ชื่อว่า mrporterlive เอาไว้โพสภาพของสินค้าในรูปแบบของ Life Style การแต่งตัวตามช่วงเวลา (ฤดูกาลของแฟชั่น) ให้แฟนๆได้ติดตาม เพื่อสร้างความต้องการให้ผู้ชมหรือแฟนๆของแบรนด์สินค้าชิ้นนั้นได้เห็น หรือเป็นไอเดียในการแต่งตัวหรือใช้สินค้า โดยจะไม่มีการโพสในเรื่องของราคาเลย เพราะผู้ที่สนใจสามารถกดเข้าไปดู Profile Info ได้แล้วก็มี Link พาไปยังเว็บไซต์เพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ได้ต่อไป
แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว บรรดาร้านค้าต่างๆมักจะใช้วิธีการโพสภาพสินค้าตรงๆ พร้อมระบุราคา หรือใช้คนที่มีคนติดตามจำนวนมากๆ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า “เน็ตไอดอล” มาถือสินค้าและช่วยโพสโปรโมทให้ โดยระบุข้อความที่เป็นข้อมูลของสินค้าพร้อมราคาชัดเจน ด้วยเหตุนี้เองความน่าสนใจจึงมีไม่มากนักเนื่องจากการโพสในลักษณะนั้นไม่ได้เกิดแรงจูงใจให้กับสินค้าและดูไม่น่าสนใจเพราะมันเป็นการขายของแบบดื้อๆง่ายๆ บวกกันการใช้วิธีการนำ Account ขายของเหล่านั้นตามไปคอมเม้นต์ตามรูปของเหล่าดารา-คนดังต่างๆเพื่อหวังว่าจะมีคนเห็นและกดเข้ามาดูยัง Profile ของตัวเอง ผลที่ออกมาก็คือเมื่อหลายร้านใช้วิธีเดียวกันทำให้เกิดปริมาณของข้อความในลักษณะ “ฝากร้าน” เพิ่มมากขึ้นในระบบหรือกลุ่มบุคคลดังๆ จึงกลายเป็น Spam comment ไปนั้นเอง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังมีการใช้ Instagram เป็นช่องทางในการขายของออนไลน์ในประเทศไทย
ด้วยการใช้วิธีการโปรโมทสินค้าและเพิ่มยอดผู้ติดตามของร้านค้าต่างๆบน Instagram ในเมืองไทยที่ใช้วิธีการคล้ายๆกันอย่างที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดการต่อต้านจากบรรดาผู้ใช้งานทั่วไปและเจ้าของ Instagram ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากเช่นดารา ศิลปิน ที่ได้รับผลกระทบจากการ Comment แผงการฝากร้านอยู่เป็นประจำและมีจำนวนที่มากขึ้น ซึ่งผลกระทบโดยรวมของการใช้งาน Instamgram ในประเทศไทยก็จะมีดังนี้
- ยอดผู้ใช้งานจริงของคนไทย ที่เราไม่สามารถคำนวนตัวเลขของผู้ใช้งาน Instagram จริงๆได้เลยว่ามีผู้ใช้งานจริงๆที่ไม่ใช้เป็นการขายของออนไลน์ว่ามีจำนวนเท่าไหร่
- จำนวน Enagement นั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าค่าที่ได้สูง(มีจำนวน comment สูงๆ) นั้นว่าเป็นการ Engage ของผู้ใช้งานจริงๆที่มีต่อภาพนั้นๆถูกต้องหรือไม่หรือมันเป็นยอดที่เกิดจาก Spam comment ของการโพสฝากร้านเสียมากกว่า
- เกิดความไม่น่าเชื่อถือในระบบ E-Commerce ของไทยเนื่องจากรูปแบบการโฆษณาเป็นในรูปแบบของการชักชวนให้เข้ามาชมร้านค้าหรือชมภาพสินค้าเพียงไม่กี่ภาพ พร้อมราคาเพียงเท่านั้น แต่กลับไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้เกิดการซื้อ
- ร้านค้าจะถูกแบนจากเจ้าของ Instagram เนื่องมาจากรบกาวนคนอื่นๆมากขึ้น ทำให้ช่องทางการซื้อขายทำได้ยากขึ้นไปอีก แถมยังโดน Block ไม่ให้ติดตามได้อีกเลย นั่นก็ทำให้ความน่าเชื่อถือที่คนจะเข้าไปชมสินค้านั้นน้อยตามไปด้วย
- ความน่าเชื่อถือของร้านค้าออนไลน์บน Instagram จะลดน้อยลงไปทั้งหมด เพราะภาพพจน์โดยรวมของการขายสินค้าออนไลน์จะถูกโจมตีด้วย Keyword คำว่า “ฝากร้าน” นั้นเอง
พอมาถึงตรงนี้แล้วถ้าใครกำลังตัดสินใจใช้วิธีการไป Comment ว่า “ฝากร้าน” ต่อไปอีกล่ะก็เห็นทีจะต้องคิดให้ดีๆเสียใหม่แล้ว รวมไปถึงคนที่คิดจะมาเปิด Account เพือเป็นการค้าขายคงจะต้องเหนื่อยหน่อยเพราะว่าตอนนี้ร้านค้าบน Instagram กำลังจะได้รับผลกระทบจากการรวมตัวกันต่อค้านร้านค้าต่างๆบน Instagram จากเหล่าบรรดา ดาราศิลปิน คนดัง รวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่เริ่มมีความคิดติดลบกับการซื้อสินค้าบน Instagram กันแล้ว