สภาวะเศรษฐกิจเป็นไปอย่างที่เราทราบดีว่ายังอยู่ในความไม่แน่นอน สภาพคล่องเงินในกระเป๋าผู้บริโภคก็มีไม่มาก ทว่า ธุรกิจก็ยังต้องดำเนินต่อไปนอกจากการค้าขายปกติแล้ว ช่องทางออนไลน์หรือการทำธุรกิจ Ecommerce ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้ ทำให้หลายคนหันเหทิศทางมาทำธุรกิจนี้กันมากขึ้น เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็หมายความว่าธุรกิจนี้มีก็แข่งขันกันดุเดือดมากเช่นกัน
นอกเหนือจากการแข่งขันของผู้เล่นมากมายในธุรกิจนี้แล้ว อีกสิ่งที่เราพบความเปลี่ยนแปลงและน่ากังวลใจต่อผู้ประกอบการออนไลน์ ได้แก่ ค่าโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลายคนที่สู้ไหวถึงจะไปต่อแต่ก็เริ่มโอดครวญกันแล้วว่าต้องอัดเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมากจริงๆ ในขณะที่บางคนก็ถอดใจไปเลยไม่ขอสู้กับค่าโฆษณาออนไลน์ที่แรงขนาดนี้ ด้วยอุปสรรคและความท้าทายมากมาย ธุรกิจ Ecommerce จะไปต่อได้อย่างไร และจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะมาใช้สู้ในศึกนี้ได้บ้าง
คุณหนึ่ง-นัฐพล บุญภินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กล่าวถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายในช่วงนี้ว่า ภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูง คาดว่าตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 7-10% และแถยังมีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีก ซึ่งเงินเฟ้อยังสะท้อนเงินในกระเป๋าลูกค้าที่ลดลง ทำให้การใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าสินค้าที่จำเป็นกับชีวิตอาจจะยังเติบโต้ได้ดี แต่สำหรับสิ่งที่เป็นของชิ้นใหญ่หรือของมีราคาก้อนใหญ่ ผู้บริโภคจะชะลอการซื้อออกไปก่อน เช่น มือถือ แล็ปท็อป ที่คนไม่เปลี่ยนบ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โดยมีตัวเลข Q2 ที่เห็นว่ายอดขายแล็บท็อปตกลง 16% ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม แม้การจับจ่ายน้อยลง ทิศทางที่เห็นสัญญาณที่ดีคือธุรกิจท่องเที่ยวคิดว่าช่วงนี้น่าจะฟื้นตัวกลับมา ที่หลายคนเรียกว่า Revenge Travel ผู้คนเริ่มใช้จ่ายเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในช่วงที่หายไป นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็เริ่มกลับเมาด้วย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่ช่วงที่ตลาดนัดเปิดไม่ได้ ก็พบว่า LIVE กลายเป็นแหล่งทดแทนสร้างเป็นตลาดออนไลน์บูมมากขึ้น
และแม้ว่าหลายธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME จะเริ่มหันมาลงออนไลน์กันหมดแล้ว ซึ่งนอกจากการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังต้องเผชิญปัญหาเรื่องค่าโฆษณาที่แพงมากขึ้นเรื่อยๆ คุณหนึ่ง ย้ำว่า ทางออกที่เราจะไม่ต้องสู้กันในเรื่องของค่าโฆษณาที่แพงขึ้นเรื่อย ก็คือมาเน้นที่การสร้างคอนเทนต์และสร้างสตอรี่ให้แบรนด์และสินค้าของคุณแทน
“ตอนนี้ค่า Ads แพงมาก เราอาจต้องเริ่มมาเน้นคอนเท้นและสตอรี่ แต่ไม่ใช่ยิง Ads แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ใช้การยิง Ads เลย ปัจจุบันการยิง Ads มันง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ คือมันไม่มีสูตรหลักหรือตายตัว มันต่างจาก 3-4 ปีที่แล้ว หมายความว่า อัลกอรึธึ่มมัน beat human ในทุก aspect สิ่งที่จะต่างคือ aspect ของคน คอนเท้นต้องดี สตอรี่ต้องได้ ไม่ใช่ยุคที่จะ Bombard Ads แล้วคนซื้อ
แต่ก่อนเราจ่ายค่าแอด 20 บาท ขายของได้ 100 บาท แต่ตอนนี้เราต้องจ่ายค่าแอด 100 บาท เพื่อขายของ 100 บาท และหวังในการขายชิ้นที่ 2 ฉะนั้นไดนามิกมันยากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ”
เทคโนโลยี Data Analytic
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการใช้ครีเอทีฟและสร้างสตอรี่เทลลิ่งเพื่อมาเป็นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจออนไลน์แล้ว ก็ยังมีเรื่องของการใช้ tool ต่างๆ เข้ามาช่วงด้วย โดยเฉพาะ เทคโนโลยี Data Analytic และการช่วยจัดเก็บข้อมูล โดยทาง เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ได้พัฒนาระบบบริหารการขายสินค้าอีคอมเมิร์ซครบวงจรครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม โดยทำให้แบรนด์สามารถบริหารจัดการยอดสั่งซื้อจากหลายช่องทางทั้ง Shopee, Lazada และ Marketplace ต่างๆ ที่มียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมากและซับซ้อน โดยจะสามารถช่วยในเรื่องการิวเคราะห์ข้อมูล Data Analytic ให้เห็นประสิทธิภาพในการขายได้ละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อวางแผนการขายได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ตัวระบบจะมีส่วนช่วยในการบริหารยอดสั่งซื้อ พร้อมจัดการสต๊อกที่ ซับซ้อน อย่างสินค้าจากโปรโมชั่น หรือสินค้าลดราคา ไปจนถึงช่วยจัดการประเภทสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่ง ซึ่งแบรนด์สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลกลางและติดตามสถานะต่างๆ แบบเรียลไทม์จากหลากหลายแพลตฟอร์มตั้งแต่กระบวนสั่งซื้อไปจนถึงจัดส่ง
ทั้งนี้ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ มีแผนที่จะเปิดให้ลูกค้าทั่วไปที่ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ สามารถใช้บริการซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีแผนประยุกต์ระบบดังกล่าว เข้ากับระบบหลังบ้านของประเทศต่างๆ ที่บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าไปดำเนินการ เริ่มต้นจากมาเลเซียเป็นประเทศแรก ตามด้วยฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ อาทิ อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยระบบนี้ยังสามารถช่วยติดตามยอดสั่งซื้อรวมถึงจัดการบริหารสินค้าหลังบ้านและแยกประเภทสินค้าได้ละเอียด อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อจำนวนสต๊อกสินค้ากับทุกช่องทางการขายเพื่อป้องกันความผิดพลาด ดังนั้นหาก เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ สามารถขยายการใช้งานโปรแกรมดังกล่าวในหลากหลายประเทศได้นั้น จะสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางในการสร้างการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรองรับผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันและอนาคต
Chatpify ทูลส์สำคัญรองรับการเติบโตของโซเชียลคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ เนื่องจากปัจจุบัน 38% ของยอดการสั่งซื้อมาจากโซเชียลคอมเมิร์ซ ดังนั้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ด้วย Chatpify ซอฟแวร์ Chat and Shop ครบวงจรระดับองค์กรที่ครอบคลุมทั้ง Marketplace และ Social Media เป็นการตอกย้ำการมุ่งสู่ผู้นำพัฒนาแพลตฟอร์ม Omnichannel ระดับองค์กรอันดับหนึ่ง เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ได้ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนา Chatpify ซอฟต์แวร์ Chat and Shop ครบวงจรที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ให้เป็นระบบยิ่งขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อหลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง Facebook, Instagram, LINE, Lazada, Shopee และอื่นๆ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อได้หลายร้านค้าพร้อมกัน โดยมีระบบทีมหลังบ้านรองรับธุรกิจขนาดใหญ่ โดยซอฟต์แวร์ดังกล่าวเป็น Conversational AI solutions for enterprises ที่ช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบหลังบ้านตั้งแต่การจัดการยอดสั่งซื้อ, การบริหารคลังสินค้า ไปจนถึงกระบวนการจ่ายเงินที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย รวมถึงสามารถวัดผลประสิทธิภาพการตอบแชท และช่วยปิดขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Key Takeaway Point
สุดท้ายสิ่งที่คุณหนึ่งฝากไว้ให้ผู้ประกอบการได้นำไปพัฒนาการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในยุคที่การยิง Ads แสนแพงก็คือ
- แบรนด์และสินค้า ต้องมีจุดขายของตัวเอง มีอะไรที่หยุดนิ้วได้ เราไม่จำเป็นต้อง win volume เรา win sum ก็ได้
- หากไม่แข่งกันที่ราคา เราต้องเน้นสร้างคุณค่าให้กับสินค้าได้ แม้ว่าจะลดราคาไม่ได้เลย
- จุดสำคัญในการทำธุรกิจคอมเมิร์ซที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ลูกค้ามักจะซื้อสินค้าเพราะเชื่อมั่น ไม่ใช่ซื้อเพราะถูก เราจึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือในหลายด้าน แสดงให้เห็นว่าเราเชี่ยวชาญ มี quality ทั้งด้านจัดส่ง ตอบแชท รู้เรื่องดี สินค้านั้นเป็นยังไง ใช้ยังไง
- ข้อดีอีกประการของการตอบแชทดี ทำให้เราแข่งระหว่าง seller ที่จีนได้ ซึ่ง seller จีนมักให้บอตตอบคำถามโดยใช้ google translate อันนี้ทำให้เราสู้กับสินค้าจีนที่ราคาถูกได้ ด้วยความที่ใช้ google translate และแข่งที่ราคาอย่างเดียว คนก็ไม่ซื้อ
