ยุค Digital Age แบบนี้ร้านค้า และ SME ต้อง Go Online เมื่อสามารถขายของได้ตลอด 24 ชั่วโมงและขายได้ทั่วประเทศ หรืออาจจะขายได้ทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเปิดเว็บไซต์ e-Commerce เป็นของตัวเองเลยดีหรือไม่ จะคุ้มหรือไม่ มีหลักในการพิจารณาอย่างไร เพราะถ้าแบรนด์ใดจะลงทุนพัฒนาเว็บไซต์ e-Commerce ของตัวเองนอกจากการลงทุนพัฒนาระบบเว็บไซต์, การขาย และการจัดการสินค้า, ระบบเก็บเงินและระบบขนส่ง ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกไม่น้อย ลองมาดูหลักการขั้นต้น ดังนี้
การพัฒนาเว็บไซต์และระบบหลังบ้าน
มีการประเมินคร่าวๆ ว่า เว็บ e-Commerce ที่มีการจัดการที่ดี ครบถ้วนสมบูรณ์ต้องใช้งบประมาณไม่น้อย อาจสูงถึง 500,000 บาท ยังไม่รวมค่าจ้างคนดูแลเว็บ ค่าเช่าโฮสต์และบำรุงรักษารายเดือน ซึ่งถ้าเว็บดี ทำงานรวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือ นั่นคือโอกาสในการเพิ่มยอดขาย
หน้าร้านก็สำคัญนะ
ใครว่าเป็นเว็บแล้วไม่ต้องมีหน้าร้าน เข้าเว็บมาหน้าเว็บต้องดึงดูดใจ นำเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยเร็วที่สุด แสดงว่าต้องจ้างผู้จัดการร้านที่ดูแลการขาย, สินค้าคงคลัง, โปรโมชั่น และต้องคอยเปลี่ยนรูปภาพใหม่ ซึ่งตำแหน่งผู้จัดการคนนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะการเลือกรูปภาพ การจัดโปรโมชั่นมานำเสนอ มีผลเพิ่มยอดขายได้ถึง 3 เท่าต่อเดือน
ขนส่งฉับไว เก็บเงินได้ทันใจ
การขนส่งและการเก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายของเว็บ e-Commerce เช่นเดียวกัน แต่ถ้ามีการลงทุนระบบที่ดี ขนส่งสินค้าได้ปลอดภัย ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย มีระบบเก็บเงินทั้งทางออนไลน์ หรือการมีออปชั่นเสริมเก็บเงินปลายทาง มีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อของออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่มีประสบการณ์ซื้อสินค้าออนไลน์
การตลาดต้องโดนใจ
แคมเปญการตลาดออนไลน์ เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี เช่น Google Adwords, Facebook Marketing, dynamic re-targeting หรือแม้แต่ email และ sms บอกเลยว่าการแข่งขันตรงนี้ดุเดือด คู่แข่งเพียบ และใช้งบประมาณไม่น้อย ในธุรกิจ e-Commerce โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีแรก ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ สร้างฐานลูกค้า และเพิ่มจำนวนสมาชิก ต้องใช้เงินในการทำตลาดมากพอสมควร จนกระทั่งเมื่อลูกค้าเริ่มกลับมาซื้อซ้ำ ตอนนั้นรายได้จะเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายจะลดลง จุดนี้บอกเลยว่าต้องใช้เวลาและมองกันยาวๆ
ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ลองมาดูกันว่า ถ้าพัฒนาเว็บ e-Commerce ของตัวเองจะมีข้อดีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
1) มีข้อมูลลูกค้าเป็นของตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะช่วยในเรื่องการตลาดและการขายในระยะยาว รวมถึงการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
2) บริการจัดการแบรนด์ได้ดีกว่า มีเว็บเองช่วยให้บริหารจัดการแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ได้ดี ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ มีอิสระจะการตลาดอะไรยังไงก็ได้
3) โอกาสสร้างกำไรที่ดีกว่า ขายในเว็บตัวเอง ก็เหมือนขายในร้านตัวเอง ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ ให้กับเว็บ Marketplace
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่จะพัฒนาเว็บไซต์ e-Commerce ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ด้วย
1) แบรนด์คุณมีประเภทสินค้ามากน้อยแค่ไหน เช่น แบรนด์ยาสีฟัน การขายผ่านออนไลน์อาจไม่ดึงดูดใจเหมือนร้านขายของชำสะดวกซื้อ ดังนั้นต้องเพิ่มประโยชน์ให้กับลูกค้าหรือใช้ระบบสมาชิกเพื่อสะสมแต้ม แต่ถ้ามีสินค้าหลากหลายชนิด การมีเว็บของตัวเองจะเป็นทางเลือกที่ดี
2) สินค้ามีราคาเท่าไร และมีการสั่งซื้อจำนวนเท่าใด สินค้าที่มีราคาต่ำ ไม่คุ้มที่จะลงทุนสร้างเว็บไซต์ เว้นแต่จะมีกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ มาเสริม เช่น การ Bundling, ระบบสมาชิก หรือการคิดค่าขนส่ง
3) ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาว่าผู้บริโภคชื่นชอบ ติดใจ และต้องการซื้อสินค้าจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
สรุปได้ว่า การมีหน้าร้านออนไลน์ ขายผ่าน e-Commerce เป็นสิ่งที่ทุกร้านต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะเลือกสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง หรือจะขายผ่าน Marketplace เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด
Source: aCommerce