ในโลกที่คนที่เร็วกว่าหมายถึงมีโอกาสในการทำธุรกิจมากกว่า ระบบโลจิสติกส์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ยิ่งในยุคที่การซื้อขายผ่านออนไลน์นับวันจะเติบโตขึ้นมากแล้ว ความเร็วก็ยังเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในโลกที่เป็นระบบดิจิทัล ชนิดที่แค่คิดก็แทบจะดำเนินการจนเสร็จสิ้นแล้ว
ระบบโลจิสติกส์ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจการช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากความคาดหวังของผู้ซื้อที่ต้องการได้รับของรวดเร็ว ทั้งจากความเสี่ยงในเรื่องของเสียหายสูญหายหรือเสียหาย และความคาดหวังของผู้ส่งที่ต้องการส่งสินค้าให้ถือมือลูกค้าโดยเร็ว เพื่อสร้างความประทับใจในใการใช้บริการ จากปัจจัยด้านบวกในแง่ของการธุรกิจ e-Commerce ขยายตัวส่งผลให้ธุรกิจในด้านโลจิสติกส์ปรับตัวเติบโตสูงขึ้น
DHL Group หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านโลจิสติกส์ของโลก เตรียมเดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce ในประเทศไทยที่มีการคาดการณ์ว่า ตลาดจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าภายในปี 2563 ที่มูลค่าประมาณ 3,600 ล้านยูโรหรือราว 140,000 ล้านบาท
โดย นายเกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerce ประเทศไทย บริษัทในเครือ DHL Group กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาด e-Commerce ในไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 22% ต่อปีจนถึงปี 2563 จากการที่ตลาด e-Commerce กำลังขยายตัว ผู้บริโภคจึงมีความคาดหวังเพิ่มขึ้นรวมไปถึงคุณภาพด้านโลจิสติกส์”
DHL eCommerce จึงเตรียมพัฒนาและเสริมสร้างเครือข่ายการจัดส่งสินค้าภายในประเทศ โดยได้ขยายบริการด้านการรับสินค้าถึงที่ (Pick-up Service) สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ปัจจุบันมีกว่า 2.7 ล้านรายทั่วประเทศไทย ช่วยให้ผู้ประกอบการลดขั้นตอนการดำเนินงานและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า
ไม่เพียงเท่านี้เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เติบโตไปสู่ธุรกิจ e-Commerce ในระดับนานาชาติ DHL eCommerce ยังมีการเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ B2C ในราคาประหยัด ซึ่งเป็นการให้บริการที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง โดย DHL eCommerceยังได้คาดการณ์ว่าธุรกิจ e-Commerce ในรูปแบบ B2C ระหว่างประเทศจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจนแตะที่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2563 นี้อีกด้วย
Copyright © MarketingOops.com