แนวคิดเรื่อง Cashless Society กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีของอุปกรณ์โมบาย แอพพลิเคชั่น รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของบริษัท FinTech ที่พัฒนานวัตกรรมต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนเชื่อว่าในปี 2016 หลายประเทศทั่วโลกจะเริ่มเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงประเทศไทยที่เห็นแนวโน้มเรื่อง Cashless Society อย่างเด่นชัด
แม้ปัจจุบันสัดส่วนการใช้เงินสดจะยังสูงอยู่มาก แต่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน ที่เปิดรับบริการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) โดยเฉพาะการชำระค่าสาธารณูปโภค การชำระบิลต่างๆ เช่น บัตรเครดิต ประกันภัย ประกันชีวิต ค่าบริการด้านโทรคมนาคม และเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะมีการเริ่มใช้ e-Payment ในการซื้อขายสินค้าและบริการมากขึ้น
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา CEO จาก แอสเซนด์ กรุ๊ป บอกว่า ในต่างประเทศมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน และเริ่มต้นการใช้ Cashless Society และ e-Payment และสิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
– ประเทศสวีเดน เป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศยุโรปที่ประกาศเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่ายให้กลายเป็นเงินแบบดิจิทัลทั้งหมด โดยจะค่อยๆ ลดการใช้เงินสดลง จนกระทั่งไม่มีการใช้อีกเลยภายใน 15 ปีนี้
– ประเทศจีน มีตัวเลขผู้ใช้ Alipay ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์กว่า 270 ล้านราย โดยใช้เป็นช่องทางชำระเงินของ Taobao และ Tmall ตลาดสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งหากชำระเงินผ่านช่องทางนี้จะมีโอกาสได้รับสิทธิ์รีวิวการซื้อสินค้า
– ประเทศอินเดีย ประเทศที่มีการใช้เงินสดมากที่สุดในโลก มีบริการ Paytm มีผู้ใช้ประมาณ 30 ล้านราย ซึ่งมีพัฒนาการมาจากบริการเติมเงินมือถือและเติมเงินช่องทีวี ก่อนจะพัฒนาเป็น e-Wallet และ e-Commerce
ปัจจัยหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำ Cashless Society ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย คือ FinTech ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่พยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึง TrueMoney ก็ถือเป็น FinTech ในด้าน e-Payment รายหนึ่งที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น บริการ TrueMoney Wallet
โดยล่าสุดพบว่า ตัวเลขล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้ใช้งานสูงสุดกว่า 8 แสนราย เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2558 ที่มียอดการใช้งาน 6 แสนราย โดยล่าสุดกับแคมเปญอั่งเปาในเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา โดยพบว่ามีการใช้ WeCard ในการซื้อแอพพลิเคชั่นในแอพสโตร์ และเพลย์สโตร์ และอีกส่วนหนึ่งมาจากบริการโอนเงิน เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า คนไทยใช้งาน e-Wallet ทั้งสำหรับซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงโอนเงิน รับเงินในกลุ่มเพื่อน รวมถึงโอนเงินให้พ่อค้าออนไลน์แทนการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ยิ่งสามารถโอนเงินไปค่ายอื่นๆ เช่น mPay ทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนการพัฒนานวัตกรรมบริการด้าน FinTech เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปจากเดิม
ดังนั้น ยิ่งการใช้งาน e-Commerce แพร่หลายมากขึ้นเท่าไร บริการทางการเงินจะได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย จากวันนี้ไป จับตาดูกระแส Cashless Society ให้ดี เชื่อมั่นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในสังคมไทยแน่นอน