กำลัง Talk of the Town กันเลยตอนนี้เกี่ยวกับโปรเจคกลาสของกูเกิล Google ‘Project Glass’
เริ่มเมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน 2555 เมื่อทาง Google ได้นำเรื่องของ Project Glass จากทีมงานลับ Google[x] lab ออกสู่สื่อทั่วโลก ทำให้หลายๆ สื่อต่างลงข่าวและนำภาพของ Google Glass ออกมาโชว์ซึ่งรวมถึงภาพของ Sergey Brin หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Google ที่สวมแว่น Google Glass ในงานการกุศลแห่งหนึ่งที่เมืองซานฟรานซิสโก
Project Glass ของ Google มาในรูปแบบแว่นตาที่ติดเทคโนโลยี Augmented Reality Glass ให้เราสั่งงานออนไลน์ผ่านแว่นตาในทุกๆที่ที่เราไปหรือทำกิจกรรมระหว่างวัน เพื่อให้เราเรียกใช้งานได้ในยามต้องการ ทั้ง นัดเพื่อน เช็คอิน ถ่ายภาพ เช็คเมล์ ซื้อตั๋วคอนเสริต แชท และคาดว่าจะมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับ digital life
สิ่งที่น่าทึ่งของ Google Glass น่าจะเป็นวิดีโอ demo ที่ทาง Google นำออกมาเผยแพร่ เพราะเมื่อได้ดูแล้ว ทำให้เราได้มองเห็นถึงอนาคตของเทคโนโลยีที่กำลังจะทำให้การใช้ชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไปและดูไฮเทคในแบบที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น
Project Glass One Day ไลฟสไตล์แห่งอนาคต
ยังมีวิดีโออีกชิ้นหนึ่ง ที่ Jonathan McIntosh บุคคลที่สื่อทางอเมริการู้จักกันในนาม “Pop Culture Hacker” ได้นำ Google Glass มาตั้งชื่อให้ใหม่เป็น Google’s ADmented Reality Glass เพราะ Jonathan เชื่อว่าทุกสิ่งที่ Google ทำนั้นน่าจะเพื่อสนับสนุนการขายโฆษณาของ Google มากกว่า และรายได้ที่ Google มีทุกวันนี้ 96% มาจากโฆษณาทั้งสิ้น และเพื่อให้สมจริง Jonathan จึงนำวิดีโอ Google Glass Demo มาดัดแปลงและสอดแทรกโฆษณาของ Google Adwords เข้าไปในทุกการใช้งาน ซึ่งถ้า Google Glass จะออกมาในแบบมีโฆษณาแทรกแบบนี้จริงๆ แว่นตานี้คงไม่มีใครอยากจะใส่เท่าไหร่
Google Glass with Ads
httpv://youtu.be/_mRF0rBXIeg
ภาพของแว่นตา Google Glass ดูบางและเบามากๆ
Sergey Brin หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Google ที่สวมแว่น Google Glass ในงานการกุศลแห่งหนึ่งที่เมืองซานฟรานซิสโก
ของฝากอีกชิ้นหนึ่งคือภาพการ์ตูนล้อเลียนแนว Comic ที่ได้มาจากเว็บไซต์ All things digital ให้เห็นว่าถ้ามี Google Glass ชีวิตจะเป็นอย่างไร ขำๆ
จริงๆ อยากทราบเหมือนกันว่าคนไทยคิดอย่างไรกับ Google Glass อยากให้มีเร็วๆ หรือคิดว่าไม่ควรมี สำหรับ Marketing Oops! เราคิดอยากให้มีเร็วๆ เพราะคงจะเป็นของเล่นที่น่าเล่นที่สุด แต่ถ้าให้ใส่เป็นประจำ ชีวิตพวกเราคงจะมึนน่าดู..
ที่มา
Google Glass Project, Huffingtonpost, Flickr ของ Thomas Hawk, Allthingsd.com