เนื่องจากนักข่าวและบล็อกเกอร์ในโลกออนไลน์ถือเป็นของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้น การทำงานของพวกเราจึงยังไม่ชัดเจนและอาจหาหลักยึดยาก ไม่เหมือนสื่อกระแสหลักที่เติบโตมาหลายศตวรรษ แน่นอนว่าหลักการวิชาชีพของแต่ละสำนักข่าว และแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย หากแต่หลักจรรยาบรรณวิชาชีพ หรือ codes of ethics น่าจะมีความใกล้เคียงกันในเรื่องของความถูกต้องของภาษา การเปิดกว้างทางความคิด การเป็นอิสระจากการครอบงำ และความน่าเชื่อถือ
Mashable เผย 4 หลักการคร่าวๆ ที่จะช่วยให้บล็อกเกอร์หรือนักข่าวออนไลน์ไม่หลงทิศเวลาทำงานแถมยังช่วยคุณหลีกเลี่ยงการถูกผู้อ่านหรือ follower มาถล่มเว็บได้อีกด้วย
-
ความน่าเชื่อถือ
กรณีที่นักข่าวมีบล็อกเป็นของตัวเอง พวกเขาสามารถทำให้การรายงานข่าวมีความชัดเจน รวดเร็ว และต่อเนื่องกันไปได้ แต่หากคุณเป็นสำนักข่าวหรือเว็บไซต์ออนไลน์อย่างเดียว การสร้างความน่าเชื่อถือจะเกิดจากการทำดีและซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อ่านอย่างต่อเนื่องยาวนาน แน่นอนว่าคุณต้องถูกล่อใจด้วยสารพัดโฆษณาที่มีคนหยิบยื่นให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินที่ใช้หล่อเลี้ยงเว็บของคุณ แต่การรับโฆษณาหรือทำคอนเทนต์ที่หลอกลวงผู้อ่านหรือไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยกับพวกเขาอาจทำให้เว็บของคุณพังไม่เป็นท่าภายในเวลาไม่นานได้ ดังนั้น อย่าสายตาสั้นและเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ อย่างเดียวล่ะ
-
ความถูกต้องแม่นยำ
เนื่องจากการทำงานบนเว็บนั้นสามารถอัพเดทได้ตลอด และอาจมีความสับสนว่าใครเป็นผู้เขียนบทความนี้กันแน่ ทางที่ดีคือควรหาใครสักคนทำหน้าที่ตรวจเช็คบทความที่คุณนำเสนอและตรวจหาความผิดพลาดก่อนนำเสนอ แต่นั้นก็เป็นเรื่องยากอีกเนื่องจากงบประมาณที่จำกัดทำให้ทีมออนไลน์ของหลายสำนักข่าวมักมีบุคลากรเพียง 1-2 คน ความผิดพลาดบ่อยครั้งอาจทำให้ผู้อ่านไม่เชื่อถือสำนักข่าวและพาลเลิกติดตามก็ได้
-
การไม่ใส่ความเห็นส่วนตัว
นักข่าวและบล็อกเกอร์ต้องระมัดระวังในการเผยความคิดเห็นและทัศนคติส่วนบุคคลลงไปในข่าว หรือถ้าจะแสดงความเห็นก็ต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าอันไหนเป็นความเห็นอันไหนเป็นข้อเท็จจริง แม้ว่านักข่าวเองก็เป็นมนุษย์ที่มีความโกรธ เกลียด โลภ หลง แต่การพยายามปะปนความคิดนี้ลงไปในข่าวอาจนำไปสู่การ “เอียง” ไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้
-
น้ำเสียง
ส่วนใหญ่บล็อกมักจะไม่มีเรื่องราวหนักๆ เท่ากับสำนักข่าวกระแสหลักและมักเขียนด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 (แทนตัวเองด้วย ฉัน เรา ฯลฯ) แต่นักข่าวที่ปล่อยให้บุคลิกส่วนตัวไปมีอิทธิพลกับบล็อกมากเกินไปอาจสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่ามีอคติ ดังนั้น ต้องลองชั่งใจว่าความเห็นและท่าทีของคุณจะส่งผลทำให้ข่าวดูมีอคติหรือไม่?