ปัจจุบันนี้ถ้าใครได้เดินทางไปต่างประเทศ ต้องเริ่มได้เห็นโฆษณาของบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยระบบของเทคโนโลยีของ 4G กันแล้ว ตั้งแต่ประเทศใกล้เคียงอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และแน่นอนในประเทศฝั่งอเมริกา และฝังยุโรปนั้นยิ่งกำลังเป็นระบบใหม่ที่ให้บริการกันแล้ว
ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี 4G 4G LTE มาจากคำว่า 4G – Fourth Generation หรือยุคที่ 4 ของการสื่อสารแบบไร้สาย มาตรฐานที่ใช้กันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ LTE(Long Term Evolution) แปลเป็นไทยก็คือ เทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อการใช้งานในระยะยาว ในความเป็นจริง LTE คือ ชื่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาจาก 3G WCDMA ที่บ้านเราเพิ่งเริ่มใช้มาไม่กี่ปีนั่นเอง โดยเทคโนโลยี 4G LTE จะสนับสนุนการใช้ในงานเรื่องของดาต้าเป็นหลัก
การเติบโตของเทคโนโลยี 4G LTE
ความต่างของ 3G และ 4G
ข้อนี้ย่อมเป็นคำถามของหลายคน ว่าเมื่อใช้เทคโนโลยี 4G แล้ว จะต่างกับ 3G อย่างไร บอกกันในภาษาง่ายๆ ได้ก็คือ 4GLTEมีการปรับปรุงเทคนิคการรับส่งสัญญาณให้สามารถรองรับข้อมูลปริมาณสูงๆได้มากกว่า 3G ทำให้มีประสิทธิภาพในการดาวน์โหลดสูงกว่า 3G ถึง 3 เท่า และอัพโหลดมากกว่า 4 เท่าเปรียบเทียบจากมาตรฐาน 3GPP Rel8 ส่วน 3G HSPA+ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันนั้นมีคุณสมบัติในการรองรับผู้ใช้ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 42 Mbps (Mega bit per second) ในขณะที่ 4G LTE จะสามารถให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps โดยขึ้นอยู่กับขนาดความกว้างของช่องสัญญาณ (channel bandwidth) และความสามารถของอุปกรณ์ที่ใช้งาน ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่เราใช้งานอินเทอร์เน็ตกันที่บ้านตอนนี้เสียอีก
ในทางเทคนิค คือ เทคโนโลยี 4G LTE จะมีการใช้ความถี่ในสองลักษณะ คือ TDD และ FDD โดย TDD มาจาก Time Division Duplex คือการจัดการใช้ทรัพยากรความถี่แบบแบ่งเป็นเวลา ข้อดีก็คือสามารถใช้ความถี่ในเพียงช่องความถี่เดียวสำหรับใช้งานได้ทั้งขาอัพโหลด (Uplink Data) และขาดาวน์โหลด (Downlink Data) ซึ่งถ้ามีความถี่สักประมาณ 1.4 MHz ก็สามารถให้บริการได้แล้ว แต่เทคนิค TDD นี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เนื่องจากความถี่ที่รองรับเทคนิคนี้ยังมีอยู่จำกัดและต้นทุนการให้บริการจะมีราคาสูงเพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่ไม่สามารถอัพเกรดโครงข่ายเดิมที่มีอยู่ให้ใช้งานได้
สำหรับ FDD มาจาก Frequency Division Duplex คือการจัดการใช้ทรัพยากรความถี่แบบแบ่งเป็นช่องสัญญาณตามความถี่ที่มี เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในเทคโนโลยี 3G อย่าง WCDMA โดยต้องแบ่งความถี่ออกเป็น 2 ช่วง ช่วงความถี่หนึ่งใช้เป็นขาอัพโหลด และอีกช่วงความถี่หนึ่งใช้เป็นขาดาวน์โหลด ซึ่งต้องใช้ความถี่เป็น2 เท่าเมื่อเทียบกับเทคนิคแบบTDD เช่น ถ้าเทคนิค TDD ใช้ความถี่ขาละ 10 MHz เทคนิค FDD ก้อต้องใช้ความถี่เท่ากับ 20MHz ถึงจะให้บริการได้
มี 4GLTE แล้ว ชีวิตบนโลกออนไลน์ของเราจะดีขึ้นอย่างไร
ความสามารถของ 4G LTE นั้น สามารถอธิบายได้นาน และเพื่อให้สั้นและเข้าใจกันแบบถ่องแท้ Marketing Oops! ขออนุญาตให้ 3 คำ คือ “รวดเร็ว” “เต็มที่” “ไม่มีสะดุด”
ที่ให้ 3 คำนี้ คือเนื่องจากกว่าปัจจุบัน เรายังใช้อินเทอร์เน็ตผ่านแอร์การ์ดหรือโทรศัพท์มือถือกันแบบสะดุด และช้ากว่าที่เราเห็นจากโฆษณาทั่วไป ทั้งการใช้งาน YouTube, Face Time, Video Call, อัพโหลด และดาวน์โหลด นั้นยังไม่เต็มที่เท่าที่ควร แต่หากเมื่อเรามีอากาสได้ใช้เทคโนโลยี 4G LTE เมื่อไหร่ การชมละคร ชมคลิปวิดีโอเอ็มวี ระหว่างเดินทางก็จะไม่มีสะดุดอีกต่อไป และการใช้ Face Time ก็จะเชื่อมต่อได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีความเร็วในระดับที่เราสามารถท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ถ่ายคลิปวิดีโอ และอัพโหลดขึ้น YouTube ได้ในทันที และได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที และที่ต่างประเทศนิยมใช้เป็นการโฆษณาก็คือการใช้งาน GPS ขณะขับรถ ที่จะกลายเป็นการแสดงข้อมูลในแบบ Real Time ทั้งเรื่องปัญหาการจราจร และการบอกทางทีแม่นยำ และสามารถขับรถไปตามเส้นทางได้แบบไม่จำกัด รวมถึงการใช้สร้าง WiFi Hotspot ด้วยการแบ่งความเร็วให้กับผู้ใช้งานท่านอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4G ใกล้หรือไกลเกินเอื้อมสำหรับบ้านเรา
ปัจจุบันมีโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกที่ให้บริการ 4G LTE แล้วกว่า 113 โอเปอเรเตอร์ ใน51 ประเทศ และกว่า360 โอเปอเรเตอร์ใน105 ประเทศเตรียมลงทุนในการใช้เทคโนโลยี 4G LTE
ในเมื่อประเทศเพื่อนบ้านได้เริ่มให้บริการกันแล้ว บ้านเราเองก็ไม่ได้มองข้ามเทคโนโลยี 4G LTE แต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มทรู ได้ทำการทดสอบความเร็ว และการใช้งานจริงของเทคโนโลยี 4G LTE กันไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ณ วังน้ำเขียว จ. นครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์ในการแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ใช้ได้จริงของเทคโนโลยี 4G LTE ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล โดยทำการทดสอบสัญญาณ 4G ในย่านความถี่ 1800 MHz. ด้วยเทคโนโลยี LTE (Long Term Evolution) โดยใช้คลื่นความถี่ ในลักษณะ Frequency Division Duplex (FDD) ด้วยจำนวน Bandwidth 10 MHz. ซึ่งนับเป็นคลื่นความถี่ที่เหมาะสมและมี ประสิทธิภาพที่สุดเมื่อใช้งานกับ LTE ผลการทดสอบออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ เป็นการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง สามารถใช้งานได้จริง เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้ง 3G และ 4G สามารถทำได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด
สำหรับการทดสอบ สามารถตามไปดูของจริงได้จากวิโอของน้องซี (@ceemeagain) ที่เป็นผู้ร่วมเดินทางไปทดสอบ 4G LTE ให้กับทรู
4G Testing by TrueMove H
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 4G LTE ในปัจจุบัน
- Apple iPhone 5
- Apple iPad Retina และ iPad Mini
- Nokia Lumia 820, 920
- Samsung Galaxy SIII LTE
- HTC One XL