Data Trends to Watch for in 2022 กับ 4 เทรนด์แห่งปีที่ต้องรู้ ก่อนวางกลยุทธ์ Data Intelligence

แม้กิจกรรมบนโลกออนไลน์จะเป็นประตูโอกาส ช่วยให้แบรนด์เข้าถึง Data มหาศาลจากผู้บริโภค แต่การนำไปใช้หรือแม้แต่การกำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้างความสำเร็จจากข้อมูลเหล่านั้น ก็ยังถือเป็นความท้าทายของแบรนด์และนักการตลาดในยุคดิจิทัลอยู่ดี โดย คุณมทินา แรงกล้า Head of Data Intelligence แห่ง Mindshare ประเทศไทย ได้แชร์ทิศทาง Data Intelligence ในปี 2022 ที่จะส่งผลต่อการวางแผนและการทำตลาดของแบรนด์ ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกันระดับโลก ใน 4 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่

Brands need Right Data, Not Big Data

เมื่อโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซเริ่มเติบโต ก็ทำให้เราเข้าสู่ยุค Big Data อย่างแท้จริง ทุกกิจกรรมออนไลน์ทำให้แบรนด์เก็บข้อมูลได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่แบรนด์และนักการตลาดต้องการในปีนี้ คือคำว่า Right Data ไม่ใช่ Big Data ถึงเวลาที่เราจะนำดาต้าที่เก็บไว้มาก ๆ ออกมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง

การทำ Data Driven Marketing ที่คนส่วนใหญ่เริ่มต้น มักจะเริ่มจากคำถามที่ว่าเรามีดาต้าอะไรบ้าง จะเอาดาต้าอะไรมาใช้ได้บ้าง แต่วิธีการเลือก Right Data ที่ถูกต้อง ควรเกิดจากการตั้งคำถามว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และคำถามที่ดีก็ไม่ควรตั้งให้กว้างเกินไป เช่น แคมเปญไหนที่เราเคยทำมาแล้วและได้รับ ROI มากขึ้น หรือ เราจะนำกลับมาทำอย่างไรได้บ้าง เป็นต้น เพื่อทำให้สามารถโฟกัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Precisely Human

ไม่ใช่แค่เรื่องของ AI หรือ Machine Learning คำที่เราเคยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ COVID-19 ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและชัดเจนขึ้นจากการที่แบรนด์นำมาใช้งาน ซึ่งปัจจุบันเกิดคำถามว่าบางสายงานสามารถนำ AI เข้ามาใช้งานได้ 100% โดยแง่การตลาดนั้น Precisely Human ถือเป็นเรื่องที่เราต้องนำ AI เข้ามาช่วยให้การทำงานของมนุษย์เป็นไปอย่างดีขึ้น

ยกตัวอย่าง การทำ Marketing คือการที่เราต้องสื่อสารกับผู้บริโภค ซึ่งสามารถใช้ AI เพื่อทำให้เรารู้ว่าใครคือกลุ่มลูกค้าใหม่ ใครกำลังสนใจหรือมองหาอะไรเป็นพิเศษ โดยคุณสมบัติเหล่านี้ AI สามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์อย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน มนุษย์ก็สามารถช่วย AI ได้เช่นกันจากการป้อนข้อมูลที่ถูกต้องให้ AI รวมถึงการติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ความคิดสร้างสรรค์ หรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่า AI อยู่แล้ว

Goodbye Third-Party cookies, Hello First-Party Data

ยกตัวอย่างการเข้าใช้งานในเว็บไซต์หนึ่ง ที่ต้องทำการลงทะเบียนกรอกข้อมูล ก็จะกลายเป็น First-Party Data ที่แบรนด์จะจัดเก็บข้อมูลของเราเอาไว้ แต่เมื่อปิดการใช้งานและไปใช้งานเว็บอื่นที่มีการ Tracking ข้อมูล ก็จะทำให้เว็บไซต์นี้ได้รู้ว่าเราทำการค้นหาอะไรมาก่อนในเว็บไซต์แรก แต่จากเทรนด์ที่ผู้บริโภคหวงแหนความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และแพลตฟอร์มก็เริ่มดำเนินการในส่วนนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้เองว่าจะให้ Tracking ข้อมูลได้หรือไม่ ประเด็นนี้ทำให้แบรนด์ต้องวางแผนเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เป็น First-Party Data มากขึ้น

ดังนั้น แบรนด์ต้องมีความ Creative และ Innovative ต้องเปลี่ยนมาทำการตลาดให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์กำลังเป็นเพื่อนกับพวกเขา ไม่ใช่การทำตลาดตรง ๆ แบบเดิม เช่น เชิญชวนให้ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด หรือ นำ Chatbot เข้ามาช่วย เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนไม่ใช่คุยกับแบรนด์ ทำให้แบรนด์ได้เรียนรู้ความต้องการ ความชื่นชอบของผู้บริโภค ต่อยอดสู่การทำ Personalize ได้อีกด้วย

The Rise of the Metaverse

ในวันที่ Metaverse เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แบรนด์จำเป็นต้องอัพเดทกลยุทธ์ในการทาร์เก็ตลูกค้ามากขึ้น สิ่งที่ต้องใช้คือ AR ที่ทำให้วัตถุเสมือนสามารถอยู่ในโลกจริงได้ และ VR ที่สามารถนำตัวตนของเราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนได้ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้าง Engage ได้ เช่นไอเดียที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกนำมาใช้งานจริง เช่น การทำ VR room หรือการลองลิปสติกด้วยเทคโนโลยี AR

นอกจากนี้ ในเชิงการวัดผล AR, VR ก็ยังถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ในโลกการทำตลาด ดังนั้น อาจไม่สามารถวัดผลได้ทั้งหมด จึงอาจมี Metrics ใหม่เกิดขึ้นเพื่อวัดผลเทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น อะไรที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้บริโภคได้เมื่อเข้าสู่โลก VR มีอะไรที่พวกเขาหยุดดูเป็นพิเศษ หรือพวกเขาทดลองสินค้าไปกี่ชิ้น หรือมีการแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ AR, VR บ้างหรือไม่ หรือแม้แต่ แบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดในโลก Metaverse ได้รู้ว่า ควรจะทำโฆษณาอย่างไรเพื่อรับมือกับเทรนด์ใหม่เหล่านี้