นอกจากกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเด็กๆ ที่ต้องระมัดระวังเรื่องของ COVID-19 แล้ว ยังมีอีกกลุ่มที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือ “กลุ่มผู้ต้องขัง” เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่เรียกได้ว่า “แออัด” จนไม่สามารถใช้มาตรการ Social Distancing ได้ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่หากมีการแพร่ระบาดจะไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้
ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงมาตรการในการดูแลผู้ต้องขัง โดยเน้นย้ำในเรื่องของการดูแลสุขอนามัยของผู้ต้องขัง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการให้ความรู้กับผู้ต้องขังในเรื่อง COVID-19 เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและความตื่นตระหนกเกินเหตุ จนก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ทั้งนี้ได้มีการเชิญ สรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังและผู้ต้องขัง มาเป็นพิธีกรจัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” เพื่อให้ความรู้เรื่องของ COVID-19 ผู้ต้องขัง 143 แห่งทั่วประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่สรยุทธกลับมาจัดรายการอีกครั้งหลังเป็นผู้ต้องขังตามคำพิพากษา คดีบริษัทไร่ส้มทุจริตค่าโฆษณาส่วนเกินของ อสมท. มูลค่ากว่า 138 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบรายการจะเป็นลักษณะคล้ายการเล่าข่าว โดยจะเน้นไปที่การให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงในเรื่อง COVID-19 ในเรือนจำ รวมถึงบอกเล่ามาตรการต่างๆ ที่กรมราชทัณฑ์เตรียมไว้สำหรับผู้ต้องขังทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันไม่เกิดการเข้าใจผิด ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการก่อจราจลที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยเหตุผลจากข่าวลือว่า มีผู้ต้องขังใหม่ติดเชื้อ COVID-19
นอกจากนี้ยังมีการจัดทำคลิปวิดีโอเพลง “ไม่ต้องห่วงฉัน” โดยเป็นการร้องเพลงของเหล่าผูต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำออกมาเผยแพร่ เพื่อให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องขังรวมถึงสังคมสบายใจ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ 3 อย่างของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ในเรือนจำ
ทั้งมาตรการ คนในห้ามออก กรมราชทัณฑ์จะงดการนำผู้ต้องขังออกไปทำงานสาธารณะประโยชน์ชั่วคราวเพื่อลดความเสี่ยง คนนอกห้ามเข้า งดการเยี่ยมเยียนญาติเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย COVID-19 และการตั้งข้อสงสัยว่าคนต้องขังเข้าใหม่เป็นผู้ติดเชื้อ โดยจะมีการกักบริเวณผู้ต้องขังใหม่ รวมไปถึงผู้ต้องขังที่ออกไปฟังการพิจารณาคดีไว้อย่างน้อย 14 วันเพื่อดูอาการ หากไม่พบเชื้อจะมีการส่งไปยังแดนต่างๆ ต่อไป
Source: Bangkok Remandprison, ช่อง 3