เซ็นทรัล กรุ๊ป ชู ‘Love the Earth’ แคมเปญสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจอยู่ควบคู่ไปกับสังคม

  • 116
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อสังคม-โลก-ธุรกิจ ถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว กลุ่มเซ็นทรัล หนึ่งในยักษ์ใหญ่ในธุรกิจรีเทลในบ้านเรา จึงเดินหน้าแคมเปญ ‘CENTRAL Group Love the Earth’ สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นทั้งสิ่งแวดล้อมและธุรกิจ โดยขับเคลื่อนผ่าน 3 โครงการหลัก Journey to Zero (ลดขยะ), Central Green (ปรับภูมิทัศน์) และ Forest Restoration (ฟื้นฟูผืนป่า)

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และที่ปรึกษา Central Group Sustainability กล่าวว่า การประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นแกนหลัก โดยมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ครอบคลุม 4 ด้านหลัก คือ PEOPLE คน , PLANET สิ่งแวดล้อม ,  PROSPERITY การพัฒนาความมั่งคั่ง และ PEACE & PARTNERSHIPS  สันติภาพและความร่วมมือ

สำหรับธุรกิจค้าปลีกและบริการ นับเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มเซ็นทรัล บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้วางกรอบการดำเนินงาน 4 ประการ ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change), 2.การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency), 3.การบริหารจัดการขยะมูลฝอย (Waste Management) และ 4. การบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain Management) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับคนรุ่นต่อไป

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล -พิชัย จิราธิวัฒน์

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวถึงแคมเปญ Central Group Love the Earth) ว่า จะขับเคลื่อนผ่าน 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1.Journey to Zero – การลดขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินธุรกิจ แบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ  Zero Waste to Landfill (ลดปริมาณขยะมูลฝอย) รณรงค์ลดและคัดแยกขยะจากต้นทาง เพื่อไม่ก่อให้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม ดังนี้

– การลดใช้พลาสติก (Plastic Reduction) เช่น การรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกผ่านแคมเปญ Say No To Plastic อาทิ ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ในปี 2561 สามารถลดใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 4.5 ล้านใบ , การลดการใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว, โครงการงดให้ถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของทุกเดือน, การลดการใช้หลอดพลาสติกในร้านอาหารของเครือซีอาร์จี โดยในปี 2561 สามารถลดได้ถึง 13.6 ล้านหลอด, การใช้หลอดข้าวโพดแทนหลอดพลาสติก ในท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู๊ด ฮอลล์, และการใช้ภาชนะทดแทน เป็นต้น โดยในปี 2562  (ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562) มีลูกค้าปฏิเสธไม่รับถุงพลาสติกถึง 4.8 ล้านครั้ง

– การจัดการคัดแยกขยะ (Waste Segregation) โดยติดตั้งถังขยะที่มีสัญลักษณ์และสีเป็นเอกลักษณ์ให้ครอบคลุมทุกศูนย์การค้าในเครือ เพื่อสร้างการรับรู้และให้ความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะแก่ลูกค้าและพนักงานในองค์กร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรในการนำขยะที่ได้ไปแปรรูปหรือสร้างประโยชน์ต่อได้อย่างไร เช่น GEPP Sa-Ard ltd, Indorama Ventures (IVL), TPBI Public Company ltd. เป็นต้น , การให้ความรู้ด้านการคัดแยกขยะให้แก่โรงเรียน ชุมชน เด็กเล็ก เช่น บ้านนาทรายน้ำรอด จังหวัดอุดรธานี, บ้านโป่งแมลงวัน จังหวัดนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

– ลดการสร้างขยะอาหาร (Food Waste) เพื่อลดปัญหาอาหารเหลือค้าง โดยอาหารที่เหลือจากการขาย, การบริโภคของพนักงาน จะนำมาแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อาหารที่ยังรับประทานได้ และอาหารที่ไม่สามารถรับประทานได้ ทั้งนี้ สำหรับอาหารที่ยังรับประทานได้ จะส่งต่อให้แก่เด็ก เยาวชน และผู้ขาดแคลนโอกาส โดยตั้งแต่ 2560-มกราคม 2562 สามารถสร้างมื้ออาหารได้มากกว่า 100,000 มื้อ คิดเป็นการลดปริมาณขยะอาหารได้ถึง 34 ตัน ส่วนอาหารที่ไม่สามารถทานได้ ขณะนี้กลุ่มเซ็นทรัลกำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์เพื่อหาแนวทางในการแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์และก๊าซชีวภาพ

Zero Carbon การลดปัญหามลพิษด้วยพลังงานสะอาด (Clean Energy) อาทิ การติดตั้งแผงพลังงานโซล่าร์เซล บนหลังคาศูนย์การค้าในเครือ (Solar Rooftop) , สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger) ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลติดตั้ง EV Charger ทั้งหมด 12 สาขา 20 จุด เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ , เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล พลาซา ศาลายา และมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มให้ครบทุกศูนย์การค้า

  1. Central Green การปรับภูมิทัศน์โดยรอบศูนย์การค้า ด้วยการจัดทำสวนสาธารณะ การบูรณาการพื้นที่ริมคลอง การจัดทำเครื่องดักไขมัน และการปรับสภาพน้ำในคลองข้างศูนย์การค้า ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลจัดทำโครงการแล้วทั้งหมด 31 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 70,000 ไร่ และมีแผนที่จะดำเนินงานอีก 24 สาขา , การปรับภูมิทัศน์บริเวณรอบร้านแฟมิลี่มาร์ท
  2. Forest Restoration ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูผืนป่า ได้แก่ โครงการปลูกป่าบางขุนเทียน บนพื้นที่ 36 ไร่, โครงกาคุ้งบางกะเจ้า 23 ไร่, โครงการ “สร้างอาหารยั่งยืน…ฟื้นคืนป่าน่าน” รณรงค์ปลูกป่าจำนวน 200 ไร่ร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ณ จังหวัดน่าน และโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟอินทรีย์รักษาป่าภูชี้เดือน ณ จังหวัดเชียงราย พื้นที่กว่า 500 ไร่ เป็นต้น

“จริงๆ แคมเปญ CENTRAL Group Love the Earth เราทำมาหลายปี แต่จากนี้จะเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น และจะสื่อสารในวงกว้าง เพราะต้องการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้น เริ่มจากคนในองค์กรของเรา คู่ค้า และคนทั่วไป ซึ่งแต่ละโครงการจะค่อย ๆ เริ่มไปในแต่ละ BU และค่อยขยายไปให้ครบทุก BU ของเรา” พิชัย ทิ้งท้าย

 


  • 116
  •  
  •  
  •  
  •