หลังมีข่าว “เซ็นทรัล รีเทล” หรือ CRC ประกาศเสนอขายหุ้น IPO เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา นอกจากจะน่าสนใจด้วยชื่อขององค์กรแล้ว ก็ยังมีประเด็นจำนวนหุ้นกว่า 1,860.1 ล้านหุ้น กับมูลค่าราว 74,404 – 79,984 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นประวัติศาสตร์ในตลาดทุนไทย ทั้งยัง “สูงสุดของกลุ่มรีเทลทั่วโลก” นับตั้งแต่ปี 2550 และว่ากันว่าการ IPO ครั้งนี้ จะดันให้เซ็นทรัล รีเทล ติดอยู่ใน Top 15 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย
แต่ไม่ใช่เพียงแค่นี้ เพราะสิ่งสำคัญที่ถูกจับตา คือ การเดินหมากของ CRC ว่าหลังจากนี้เป็นอย่างไร…
“การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทวางแผนใช้งบประมาณเพื่อ 3 วัตถุประสงค์หลัก คือ การขยายสาขา การรีโนเวท และชำระเงินกู้สถาบันการเงิน แบ่งเป็นสัดส่วนอยู่ที่ประเทศไทยราว 60 – 70% และเฉลี่ยไปยังเวียดนาม อิตาลี ในสัดส่วนที่เหลือ”
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล (CRC) อธิบาย และบอกอีกว่า…
IPO ครั้งประวัติศาสตร์!
นอกจากมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 70,000 ล้านบาทแล้ว หุ้นของ CRC ยังถือว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่า ตกลงจองซื้อโดย Cornerstone Investors สูงที่สุดในตลาดทุนไทย ถึง 60% หรือประมาณ 560.6 ล้านหุ้น จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมแล้ว 11 ราย ภายใต้ช่วงราคาเสนอขายที่ 40 – 43 บาทต่อหุ้น
โดยตามกำหนดการแล้ว หุ้น CRC จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 29 – 31 มกราคม และ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์
วางหมาก “ครองแชมป์” ไทย – เวียดนาม – อิตาลี
ต้องบอกว่าเป้าหมายใหญ่ที่ CRC หวังไว้ คือการเป็น “ผู้นำกลุ่มรีเทล” หรือค้าปลีก ในทุกประเทศที่ให้บริการอยู่ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอิตาลี ซึ่ง CRC เลือกใช้กลยุทธ์แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อาทิ ไทยที่จะเน้นการปรับโฉมพร้อมกับรุก Omni-channel มากขึ้น ส่วนเวียดนามจะการขยายสาขาควบคู่กับการเพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และอิตาลีจะเน้นการขยายตลาดลักซ์ชัวรี่และตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของ CRC ในปี 2561 อยู่ที่ 206,575 ล้านบาท เติบโต 8.3% คิดเป็นกำไรสุทธิราว 10,033 ล้านบาท ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 159,506 ล้านบาท เติบโต 4.1% จากรายได้รวมในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และคิดเป็นกำไรสุทธิราว 5,860 ล้านบาท
สานต่อ “เกมรุก” พ่วง “Omni-channel” จับเทรนด์ช้อปออนไลน์
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของ CRC จะแบ่งเป็น 6 ด้าน คือ…
1. Organic & Inorganic Growth : ต่อยอดความเป็นผู้นำจากการเติบโตด้วยตนเอง (Organic Growth) และการควบรวมกิจการ หรือเข้าซื้อกิจการ (Inorganic Growth) ในประเทศไทย
2. Ecosystem : การใช้ประโยชน์จากธุรกิจบิ๊กซีเพื่อเร่งการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่ม CRC ในประเทศเวียดนาม พร้อมกับสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเขตเมืองและชนบท
3. การใช้ประโยชน์จากรีนาเชนเตเพื่อผนึกกำลังทางธุรกิจและแสวงหาโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในประเทศอิตาลีและในทวีปยุโรป
4. การใช้แพลตฟอร์ม Omni-channel ผสานจุดแข็งค้าปลีกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ค้าปลีกของ CRC ได้ทุกที่ทุกเวลา และสร้างประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าอย่างไร้รอยต่อ
5. การใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้าและเพิ่มยอดขาย
6. สร้างโอกาสเติบโตแก่ธุรกิจทั้งในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
“การทำ Omni-channel เฟสแรกถือว่าเราเติบโตดี โดยเฉพาะช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 กลุ่มแฟชันมีการเติบโตถึง 95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ส่วนกลุ่มฮาร์ดไลน์เติบโตกว่า 70% และฟู้ด 45% หากเทียบกับคู่แข่งกลุ่มรีเทล เว็บไซต์ของเรามียอดผู้เข้าชมออนไลน์สูงเป็นอันดับ 1 ประมาณ 9.8 ล้านครั้ง (สถิติเดือนกันยายน 2562) และเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มเว็บอีคอมเมิร์ซในไทย”