ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงไทย ซึ่งแน่นอนว่าในแง่มุมของธุรกิจ นอกจากจะต้องปรับตัวตามมาตรการควบคุมโรคระบาดจากภาครัฐแล้ว อีกสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบทางตรงก็คือการขาดแคลนบุคลากรจากการติดเชื้อ COVID-19 เรื่องนี้ทำให้ Citigroup ถึงกับประกาศว่า No jab, no job หากพนักงานคนไหนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ภายในวันที่ 14 ม.ค.นี้ จะต้องถูกพักงานและพ้นสภาพภายในสิ้นเดือนทันที แต่เรื่องนี้ให้ข้อยกเว้นสำหรับด้านศาสนา ทางการแพทย์ หรือกฎหมายท้องถิ่นบางกรณีด้วย
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีแค่ Citigroup ที่ยึดแนวทางดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ U.S. bank เองก็ประกาศแนวทางลักษณะเดียวกันมาแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่อุตสาหกรรมการเงินเป็นหนึ่งธุรกิจที่จำเป็นต้องเปิดให้บริการ ท่ามกลางการเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดราวกับไฟป่าของสายพันธุ์โอมิครอนนั่นเอง ดังนั้น ธนาคารต่าง ๆ รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งจึงมีนโยบายเกี่ยวกับ No jab, no job ออกมา แม้บางแห่งอาจไม่ถึงกับไล่ออกจากงานแต่ก็จะให้พนักงาน Work from home แทนการเข้าออฟฟิศ เช่น Google, United Airlines, Goldman Sachs Group Inc, Morgan Stanley หรือ JPMorgan Chase & Co เป็นต้น
จากมาตรการดังกล่าว พบว่ามีหลายธุรกิจที่บังคับพนักงานพ้นสภาพ เนื่องจากอ้างอิงมาตรการของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่สนับสนุนให้ทุกคนได้รับวัคซีน แต่สำหรับกลุ่มธนาคารนั้นพบว่าหลายแห่งให้เหตุผลสนับสนุนการฉีดวัคซีนของพนักงานเป็นเรื่องของสุขภาพมากกว่า และก็เป็นไปได้ว่าธุรกิจต่าง ๆ ล้วนต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์หยุดชะงักทางธุรกิจเนื่องจากขาดพนักงานนั่นเอง
ที่มา : reuters