จากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นประกอบกับปัญหามลพิษทางอากาศ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยข้อดีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้น้ำมันและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย จึงทำให้ตอนนี้การแข่งขันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้านมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งใครจะไปคิดว่าภายในบ้านที่กำลังดุเดือด แต่ก็โดนเพื่อนบ้านอย่างพี่จีนเข้ามามีบทบาทด้านส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 78% เมื่อปีที่แล้ว แต่ปี 2566 นี้ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 85% เพราะอะไรทำไมจีนถึงมีส่วนแบ่งในประเทศไทยมากขนาดนี้มาหาคำตอบกัน
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้เปิดเผยข้อมูลออกมาว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2566 อาจจะมียอดขายถึง 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เทียบปี 2565 เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น
ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังวิเคราะห์อีกว่า บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่จะประสบความสำเร็จในไทยอาจต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงนั่นเอง
ปัจจัยอะไรบ้างที่ผู้บริโภคอยากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
- ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น : ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากหลายปัจจัย จากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดีย การผลิตน้ำมันที่ลดลงจากสหรัฐอเมริกา และสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้ผู้บริโภคต้องหาสิ่งใหม่มาทดแทน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องของค่าใช้จ่าย
- ปัญหามลพิษทางอากาศ : ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมลพิษทางอากาศรุนแรง รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เพราะไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ
- นโยบายสนับสนุนของภาครัฐ : รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหลายประการ เช่น การให้เงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า
- การพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า : เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่ลดลงและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ มีระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น และราคาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น คาดว่าในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและประหยัดพลังงานของประเทศไทย
ทำไมจีนถึงมีส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่า
เป็นเพราะว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้จีนต้องกระจายสินค้ามายังประเทศต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย ประกอบกับรัฐบาลของจีนไม่ต่อสัญญาการให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งในตอนแรกมาตรการสนับสนุนของทางการจีน มีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการเติบโตของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (New Energy Vehicles: NEVs) ในจีน โดยมีการลงทุนของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่มากมาย และมีการก่อตั้งบริษัท Startup ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถึงมากกว่า 300 บริษัท และถ้าทางภาครัฐไม่ต่อสัญญา จะส่งผลให้เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน
โดยอีกหนึ่งปัจจัยที่จีนตีตลาดในประเทศไทยสำเร็จ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศยังมีการพัฒนาระบบ“Ecosystem” ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก ด้วยการที่แบรนด์นั้นจะมีระบบ Ecosystem ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใจให้กับผู้บริโภคหลังจากการซื้อ ต้องแน่ใจว่าแบรนด์มีบริการหลังการขายที่ดี