หลังจากต้องเผชิญมรสุมขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2661 ในการรายงานผลประกอบการล่าสุดปี 2564 ของ ‘บริษัท บีอีซี เวิล์ด จำกัด(มหาชน)’ หรือ BEC ผู้บริหาร ‘ช่อง 3’ สามารถพลิกกลับมามีกำไรที่ 761.6 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ BEC พลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก็คือ การกลับมาของ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ที่ทำให้สามารถขายโฆษณาในรายการข่าวได้เพิ่มขึ้น
BEC ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากและเริ่มขาดทุนในปี 2561 โดยในปีนั้นมีรายได้ 10,486.41 ล้านบาท ขาดทุน 330.18 ล้านบาท, ปี 2562 มีรายได้ 8,751.62 ล้านบาท ขาดทุน 397.17 ล้านบาท, ปี 2563 รายได้ 5908.22 ล้านบาท ขาดทุน 214.25 ล้านบาท
แม้ในปี 2564 เม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมสื่อจะลดลง แต่กลุ่ม BEC ก็สามารถทำรายได้ไป 5,680 ล้านบาท มีกำไร 761.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 455.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวมาจาก
1.การพัฒนารายการข่าว ได้มีการปรับคอนเทนต์ให้น่าสนใจและเหมาะกับผู้ชมในแต่ละช่วงเวลารวมถึงปรับผังออกอากาศของบางรายการข่าว ทั้งขยายช่วงเวลา และย้ายรายการข่าวมาออกในช่วง Pre Prime-Time ทำให้รายการข่าวทุกรายการตลอดทั้งวันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การกลับมาของกรรมกรข่าว ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ที่กลับมาจัดรายการข่าว ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ และ ‘เรื่องเล่าเช้านี้ เสาร์-อาทิตย์’ ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี ทำให้ขายเวลาโฆษณาได้เพิ่มขึ้น
2.การปรับผังรายการและการใช้คอนเทนต์ละครใหม่ออกอากาศเพิ่มขึ้น โดยในปี 2564 ได้มีการปรับผังรายการให้เหมาะสมกับผู้ชมในแต่ละช่วงเวลามากขึ้น และใช้คอนเทนท์รายการใหม่ออกอากาศเพิ่มขึ้น
3.ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม นอกจากจะมีบริการแอปพลิเคชัน CH3 Plus ที่เป็นแพลตฟอร์ม OTT ดูรายการสดและย้อนหลังของช่อง 3 และ CH3 Plus Premium ระบบบอกรับสมาชิก (SVOD) ยังมีการจำหน่ายคอนเทนท์ และเอ็กคลูชีฟ คอนเทนต์ ให้กับ OTT แพลตฟอร์มอื่น เพื่อขยายฐานผู้ชม รวมถึงเอ็กซ์คลูซีฟ อีเวนท์สำหรับสมาชิก โดยรายได้จากดิจิทัลแพลตฟอร์มในปี 2564 อยู่ที่ 599 ล้านบาท โตขึ้น 39.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
4.ธุรกิจการขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) รายได้อยู่ที่ 226 ล้านบาท ลดลง 44.7% เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดถ่ายละครชั่วคราว และส่งผลให้การออกอากาศละคร Simulcast ที่ต่างประเทศ รวมถึงการขายและเอ็กคลูชีฟ คอนเทนต์ ให้กับแพลตฟอร์ม OTT ที่จำเป็นต้องเลื่อนตาม
ปี 65 หัวใจสำคัญ คือ ‘คอนเทนท์’
สำหรับทิศทางและหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ของกลุ่ม BEC ก็คือ ‘คอนเทนท์’ ด้วยการพัฒนาคอนเทนท์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้หลากหลาย รวมถึงสร้างรายได้จากดิจิทัลแพลตฟอร์มและการขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ภายใต้กลยุทธ์เดิม นั่นคือ Single Content-Multiple Platform โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจทีวี
การรักษาตำแหน่งทางการตลาดเดิมในการเป็นสถานีอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ชมทีวีในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญ ควบคู่กับการขยายฐานผู้ชมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ชมอายุ 15-24 ปี และ 25-29 ปี ด้วยการเน้นพัฒนาคอนเทนต์ละครไพรม์ไทม์, สร้างรายได้ นอน-ไพรม์ไทม์ จากรายการข่าวและวาไรตี้ ไปจนถึงรายการช่วงสุดสัปดาห์
– รายการข่าว : เน้นนำเสนอข่าวทันเหตุการณ์และเชื่อถือได้ผ่านพิธีกรข่าวมืออาชีพ มีการวิเคราะห์เชิงลึก และรายงานข่าวที่เข้าใจง่ายตรงประเด็น ผ่านการนำเสนอทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่
– ละคร : ขยายฐานผู้ชมสู่นอกเมืองและผู้ชมที่มีอายุน้อยลง ผ่านเนื้อหาและรูปแบบละครใหม่จากผู้ผลิตและดารานักแสดงรุ่นใหม่ ตลอดจนสร้างความน่าสนใจและความแปลกใหม่ให้ผู้ชมผ่านคอนเทนต์ละคร, เทคนิคการเล่าเรื่องแบบใหม่,โครงเรื่องที่คาดเดาได้ยาก และบทบาทใหม่ๆ ของนักแสดง
– วาไรตี้ : นำเสนอรายการรูปแบบใหม่ทันสมัย ทั้งจาก International Format และสร้างสารรค์เอง
2.การสร้างและกระจายรายได้ใหม่
เป้าหมายของ BEC คือ ต้องดำเนินธุรกิจมีความหลากหลายมากขึ้น สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และลดการพึ่งพารายได้จากค่าโฆษณาทีวี อาทิ สร้างนวัตกรรมการโฆษณารูปแบบใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง เช่น โฮมช้อปปิ้ง QR Code SMS รวมทั้งการรับรู้แบรนด์และการมีส่วนร่วมผ่านการตลาดแบบบูรณาการ (Integrated Marketing Solutions)
การดำเนินธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ Single Content – Multiple Platforms จะเป็นการสร้างและกระจายรายได้ในช่องทางอื่นๆ โดยนำคอนเทนต์ที่ออกอากาศบนทีวี ไปต่อยอดสร้างรายได้ผ่านธุรกิจจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ปี 2565 ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการเปิดธุรกิจใหม่ อาทิ ‘ธุรกิจเพลง’ ที่เปิดตัวไปเมื่อมกราคม 2565 นำนักแสดงที่มีความสามารถด้านเพลงเป็นศิลปินเพลง ประเดิมคนแรก ได้แก่ ‘แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์’ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวศิลปินเพลงออกมาต่อเนื่อง และเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้เปิดตัวธุรกิจภาพยนตร์ เป็นการจับมือกับ เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผลิตภาพยนตร์ร่วมกัน ด้วยการวางเป้าหมายทำตลาดหนังในประเทศไทยและต่างประเทศ ประเดิมเรื่องแรก ‘บัวผัน ฟันยับ’
3.บีอีซี สตูดิโอ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจ ทาง BEC ได้ตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นผลิตคอนเทนต์ของตนเอง ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารการผลิตได้ทุกขั้นตอน สำหรับออกอากาศทางช่อง 3 หรือสตรีมมิ่ง บนแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง CH3Plus และแพลตฟอร์มอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสร้าง Original Contents และ On-demand Contents